Blognone Tech Day 3.0

ก็ผ่านไปแล้วนะครับ สำหรับงาน Blognone Tech Day (BTD) 3.0 ซึ่งคราวนี้ผมโดน mk ลากไปเป็นวิทยากรด้วย (ซึ่งทำให้ mk ต้องมาพูดใช้หนี้ที่ศิลปากรวันถัดไป แล้วเราก็คุยกันต่อ)

ผมคงจะไม่เขียนสรุปอะไรว่าแต่ละคนพูดอะไรนะครับ เพราะว่าอันนั้นมีคนทำไว้แล้วเยอะ เช่นที่ sugree’s blog, Pok’s blogger, จ๊ะเอ๋อยากเล่า, ch_a_m_p’s blog ซึ่งจริงๆ ก็คงมีที่อื่นๆ อีก แต่ว่าเอาเป็นว่ามีคนสรุปไว้แล้วก็แล้วกัน ..​ งั้นผมขอเขียนความรู้สึกส่วนตัวจะดีกว่า

  • ได้เจอเพื่อนหลายคนที่นานๆ จะเจอกันที่ เช่น อ.มะนาว, พี่ sugree, bact’ (ที่น่าเสียดาย เหมือนจะอยู่ไม่นาน)
  • อ.มะนาว พาเพื่อนมาแนะนำให้รู้จักอีกคน ซึ่งพอเราเห็นกำลังนั่งอ่านหนังสือ Agile Web Dev with Rails ที่เราเคยเขียนด่าถึงด้วย ก็เลยให้ดูความแข็งแกร่งของหนังสือเล่มนั้นหน่อย ว่ามันเกรียนเทพแค่ไหน … คนที่เคยอ่านลองไปหาหน้าที่บอกวิธีการติดตั้ง Ruby บน Mac ดูนะครับ จะเห็นคนเขียนเกรียนถึงโปรแกรม DAVE (ซึ่งจริงๆ มันก็มีจริงๆ อ่ะนะ แต่ว่าไม่เกี่ยวกับผมนะ) …. แถจริงๆ เพราะว่าคนเขียนหนังสือต้นฉบับเค้าชื่อ Dave Thomas อ่ะนะ มันก็เลยมี prompt ชื่อ dave มาด้วย แบบว่า
    dave> some_command_here ...
    

    นะ เกรียนสุดๆ จริงๆ

  • ได้คุยกันเรื่อง ฮาๆ หลายเรื่องที่ถ้าไปคุยกันข้างนอกก๊วนที่มา (แม้แต่จะไปคุยในภาควิชาคอมพ์ หรือว่าคนทำงาน IT ก็เถอะ) อาจจะมีหน้างงๆ กันเยอะ ไม่ฮา ไม่ขำ เพราะว่ามันอาจจะ geek เกินไป
  • apirak มาบอกหลังไมค์ ว่าตอนที่ผมถาม นี่น่ากลัวโคตรๆ เลย หรือว่าผมมีความสามารถพิเศษในการกดดันชาวบ้านก็ไม่รู้แฮ​ะ ทั้งๆ ที่เราก็คิดว่าเราถามธรรมดานะ
  • น่าเสียดายที่มีเวลาให้ผมพูดน้อยไปหน่อย เลยไม่มีเวลาเล่นเกมสอนทำอาหาร (อะไรเนี่ย ..) ทั้งๆ ที่เรียกน้อง Ford Antitrust ออกไปหน้าเวทีแล้วนะ แต่ว่าเนื่องจากเวลาน้อย + คนฟังยังเขินๆ กันอยู่ด้วย ไม่ค่อยจะเล่นกับเราเท่าไหร่ น้อง Ford เลยออกไปเก้อเลย
  • น่าเสียดาย น่าเสียดาย เพราะว่าเกมนี้จะฮามาก แล้วก็จะเข้าใจเรื่อง short-term memory กับเรื่องการเรียนรู้และการท่องจำขึ้นอีกเยอะมาก ถ้าคิดว่าผมพูดเนี่ย ฮาแล้ว จี้ใจดำแล้ว เกมนี้จะเจ๋งกว่านั้นอีก คราวนี้รบกวนช่วยเล่นนิดนะคร้าบบบบ
  • แต่ว่าไปงานแบบนี้แล้ว บอกตามตรงว่า ใจชื้น เหมือนกับว่างาน Blognone เนี่ย เป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจที่มันห่อเหี่ยวมานานของผมได้อย่างไม่น่าเชื่อ
  • เห็นน้องที่ชนะ Imagine Cup เห็น (video) โปรแกรมที่เค้าทำ เห็นการใส่ใจกับทุกรายละเอียด การสร้าง WOW factor การคำนึงถึงผู้ด้อยโอกาสและพยายามประยุกต์เทคโนโลยีมาช่วยได้อย่างเจ๋ง ….. ผมอยากให้น้องๆ กลุ่มนี้หรือว่ากลุ่มอื่นๆ ที่มีความสามารถ มีโอกาสทำอะไรเพื่อสังคมจริงๆ จังๆ เมื่อเรียนจบบ้างจัง แทนที่จะเข้าไปอยู่ในบริษัทใหญ่ๆ โตๆ บางบริษัท เงินเดือนสูงๆ แต่ว่าสังคมไม่ได้อะไร (ถ้าได้ทั้งสองอย่างก็เยี่ยมครับ win-win)
  • เห็นน้องจากกลุ่ม Ubuntu Club ที่ทำให้ผมอ้าปากค้าง … เนี่ยมันเด็ก ม.ต้น นะครับพี่น้อง แหม ตอนที่ผม ม.ต้น ผมยังทำอะไรไม่รู้อยู่เลย เด็กส่วนมากที่ผมเห็นที่ศิลปากร ยังไม่ได้ “สนใจ” อะไรแบบนี้เลย น้องครับ ผมขอบอกว่า น้องเยี่ยมมาก ผมแทบไม่ได้ปรบมือให้ใครด้วยความเต็มใจอย่างยิ่งยวด และรู้สึกชื้นสุดๆ ในใจมานานแล้ว
  • ผมเห็นว่าประเทศนี้ยังมีอนาคตครับ อย่างที่พี่ sugree เขียนไว้ใน blog เรื่องงาน BTD ว่าประเทศไทยมันคือ The Matrix นี่หว่า แล้ว Red Pill มันอยู่ไหน มีแค่ไม่กี่คนที่หลุดพ้นออกจากระบบแล้วกลายเป็นคนกำหนดอะไรบางอย่างในช่วงบางช่วง
  • ผมเชื่อว่ามีเยอะครับ คนที่อยู่ในระบบ แล้ว so dependent on the system และ/หรือ not ready to be unplugged แต่ว่าผมก็เชื่อเช่นกัน ว่าบางคนนะ ที่เค้ารู้สึกว่า there’s something wrong with the system แต่ว่าเค้าบอกไม่ได้ว่าอะไร เค้าบอกไม่ได้ … เราต้องค้นหาเค้า ค้นหาคนเหล่านั้น spend sometime searching The Matrix หาคนที่เริ่มรู้สึกเช่นนั้น ….. พาให้เค้าเห็นโลกอีกด้านหนึ่งของรั้ว เค้าอาจจะหลุดพ้นออกมาก็ได้

สรุปว่า เสียดายครับ ถ้างานนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย (ส่่วนหนึ่งอาจจะเป็น mk จะไปเรียนต่อ) ถ้าครั้งต่อไป ผมอยากให้ไปจัดที่อื่นบ้าง (ซึ่งก็คุยกับ mk ไว้แล้ว) ถ้ายังไงที่ ศิลปากร ตลิ่งชัน อาจจะเป็นอีก option หนึ่ีงก็ได้นะครับ (ผมเสนอไว้ก่อน) อาจจะต้องมีค่าเช่าที่ แต่ว่าก็คงจะจัดการได้ไม่ยากเย็นเท่าไหร่ เผื่อว่าเด็กที่อื่น จะได้มีโอกาสได้เข้ามาฟังและเปิดโลกของตัวเองบ้าง