Lens ใหม่

คราวนี้ไม่ใช่เลนส์กล้องครับ (ถึงจริงๆ ยังคิดว่าเงินเดือนงวดหน้าออกเมื่อไหร่ คงไม่พลาดหาเลนส์ Wide ดีๆ มาซักตัวแน่ๆ ไม่ Sigma 10-20 ก็ Tokina 12-24) แต่เป็น Contact Lens ครับ

ไม่เคยคิดจะใส่กับเค้าเลย ให้ตายเถอะ แต่ว่ากำลังโดน น้องเกดจับแปลงโฉมนิดๆ หน่อยๆ (เข้าทำนองอยากให้ลองว่าจะเป็นไง)

อืมม เพิ่งจะรู้ว่ามันใส่ยากดีเหมือนกันแฮะ ยังไม่ค่อยจะคุ้นเท่าไหร่ แต่ว่าพอใส่ไปแล้วก็ปกตินะ รู้สึกไม่เลวดีเหมือนกัน สบายดี ไม่ต้องคอยขยับแว่น แต่ว่าข้อเสียก็คือ ยังไม่ชินกับการโฟกัสเวลามองผ่าน Viewfinder ของกล้องเท่าไหร่ รู้สึกว่ามันเบลอๆ กว่าเวลามองผ่านแว่น แต่อันนี้อุปทานหรือเปล่าก็ไม่รู้ ใครมีประสบการณ์วานบอกด้วยนะครับ

อืมมม ใส่ต่อไปดีหรือเปล่าหว่า

เวลาในขวดเหล้า

ช่วงนี้มีเรื่องให้กินเหล้าเยอะแฮะ เรื่องโน้นเรื่องนี้ บางทีเรากับเพื่อนเราที่ไปกินด้วยกันก็ผลัดกันจิตตก จนต้องผลัดกันเป็นเพื่อนคุยปรับทุกข์แบบวันชนวัน

แต่ว่าก็ยังดีที่งานการไม่ได้เสียไม่ได้หายอะไร (อาจจะกินเหล้าจนชินมั้ง เลยไม่มีปัญหาเรื่องตื่นหรือว่าเรื่องปวดหัววันต่อไป)

คิดไปคิดมา พักนี้ไม่ได้อัพเดท Thai Mac Geeks เลยแฮะ ได้โลโก้มาแล้วแต่ว่าก็ยังไม่ได้ลงเลย (Mk ขอไปแปะที่ Blognone ตั้งนานแล้วด้วย ยังไม่ได้ให้เช่นกัน) ก็ยังดีหน่อยที่มีเวลาทำ Podcast เพิ่มอีกคลิป ยังสนุกอยู่นะ แต่ไม่ค่อยมีเวลาทำ

ที่อัพเดทบ่อยหน่อยก็คงจะเป็น Multiply มั้ง (บ่อยกว่า Blog นี้อีก) ก็อาศัยที่นั่นเป็นไดอารี่ไปน่ะแหละ แต่ว่าไม่ได้เขียนอะไรหรอกนะ แต่เดี๋ยวนี้เวลาไปไหนมาไหนแฟนจะไปด้วย แล้วก็จะพยายามหาเวลาว่างๆ 10-15 นาทีระหว่างไปโน่นไปนี่ ถ่ายรูปเก็บไว้ ก็เลยกลายเป็นเหมือนไดอารี่กลายๆ ไปด้วย มันก็อัพเดทง่ายด้วยอ่ะนะ นั่งเลือกๆ จาก Aperture แล้วก็ export ลง folder ไปแล้วก็ลากลง

แต่ว่ามันก็ยังขั้นตอนเยอะอยู่แฮะ เทียบกับ Flickr (ลองเล่น exporter ดูแล้ว work มาก) …. ถ้า Multiply มันเปิด API ก็อยากจะทำ Aperture plugin เหมือนกัน

อุทาหรณ์: ถ้าอยากจะเล่นระบบ Online ที่เป็นที่เก็บ content แบบนี้ ควรเล่นระบบที่เปิด API หรือว่า services ในลักษณะ RPC ได้ เท่านั้น ไม่งั้นจะเสียเวลาพอควร

ยังไงก็เถอะ เล่น Multiply รู้สึกว่าจะมี meaning กว่าเล่น Hi5 พอสมควร ความรู้สึกตอนเล่นไอ้บ้านั่นรู้สึกว่า เสียดายเวลาชีวิตและ devotion ของเด็กหลายๆ คนเหลือเกินว่ะ ไม่รู้จะเล่นกันไปทำไมนักหนา ไม่เห็นมันจะมีอะไรเลย (ถ้าอยากจะคุยอะไรกันมากมาย ก็ MSN ไปเลย หรือว่าเหมือนกับ passive chat แบบที่ชอบทำตาม profile comment ก็เล่น Twitter ดีกว่า)

ยังไม่ได้ลองเล่น Facebook นะ

ตอนแรกว่าจะเขียนเรื่องนึง ไปๆ มาๆ ก็มาลงเอยเขียนอีกเรื่องนึงแฮะ เขียนบทความยาวๆ เรื่องนี้ซักทีดีมั้ยเนี่ย (ใจเย็นๆ เพื่อน …. นายว่าจะเขียนตั้งหลายเรื่องลง Thai Mac Geeks ยังไม่ได้เขียนเลยนี่)

แมนยู – บาร์ซ่า

ไม่ได้ดูนะ แต่ว่าฟังเค้าเล่ามาเยอะ และอ่านสถิติการครอบบอล การยิงประตู การทำเกม

นึกถึงความทรงจำห่วยๆ จากเกมที่เห็นแมนยูแข่งกับบาร์ซ่าเต็มๆ เกมครั้งแรก วันนั้นต้องเรียกว่าโดน Out-class อย่างสิ้นเชิง หรือว่าจะโดน Onslaught เลยก็ว่าได้

โดนยำเละ 4-0 และรูปเกมแย่กว่าที่แพ้มิลานเละเทะ (มิลานเล่นเหมือนซ้อมใหญ่) เมื่อปีก่อนอีก

ก็ยังดีที่คราวนี้เสมอแฮะ

ช่วงนี้แมนยูเริ่มกลับมาลูกผีลูกคนอีกล่ะ หลังจากดีๆ มาตลอดพักนึง เสมอแบบเกือบแพ้มาสองหนติดๆ คิดถึงอังคารหน้าแล้วสยองยังไงไม่รู้ ขอให้คืนฟอร์มหน่อยเถอะ ไม่งั้นคงจะหัวใจสลาย เพราะปีนี้นับว่าฟอร์มมาดีมาก คิดแล้วมีหวังได้สองแชมป์ ถ้าไม่ได้ซักแชมป์นี่คงจะเซ็งพิลึก

Dilemma (is it?)

What would you do if you face 2 choices. You have to decide where you really belongs, where you really have to be, or where you really want to be.

  • With people who alienated you, make you feel like a stranger, and all the feeling you have is ‘not belonging’.
  • With people who make you feel wanted, proud, like you’re the last jigsaw of his/her/their life that they had been searching for a long time.

It doesn’t seem a very tough choice to make.

One thing I know and learned after a long journey in my life: no one loves me like I do love myself.

So, for a choice, I made mine. I am staying with ones who don’t alienate me, don’t make me feel like a stranger, or make me feel not belonging. I am staying with ones who make me proud of what I do, of what I am. I am staying with ones who make me feel loved.

And if you were me, which one will you choose, regardless of ‘what each group actually is’?

I don’t think it is a difficult choice to make at all. So it’s not much of a dilemma isn’t it?

10 คอมพิวเตอร์ที่สวยที่สุด

เมื่อวันก่อนมีเรื่อง Computer ประหลาด 10 แบบ วันนี้มาเรื่องคอมพิวเตอร์สวยๆ บ้าง อ่านจาก OSNews ครับ

The Ten Most Beautiful Computers โดย Thom Holwerda

มีโดนใจหลายตัวครับ เคยใช้หลายตัวเหมือนกัน แต่ว่าหลายตัวก็ไม่เคยใช้

บทความนี้อ่านชื่อคนเขียนแล้วแทบจะบอกได้เลยว่า อันดับ 1 คืออะไร

แง …. อยากได้ G4 Cube T_T

โทรศัพท์แปลกปลอม/ไม่พึงประสงค์

หลายคนคงจะเคยเจอโทรศัพท์ไม่พึงประสงค์ โดยเฉพาะพวกที่โทรมาแล้วไม่ยอมพูดอะไร ถามอะไรไปก็เงียบ พวกนี้บางทีก็ขึ้นเบอร์ บางทีก็ไม่ขึ้นผมจะเจอพวกนี้เป็นพักๆ แต่ว่าถ้าเจอที ก็จะเจอค่อนข้างถี่พอสมควร ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรเหมือนกัน เมื่อคืนเจอสองครั้ง ครั้งแรกก็รับไป ไม่มีคนพูด ครั้งที่สองห่างกัน 5 นาที ไม่ขึ้นเบอร์เหมือนเดิม ก็เลยไม่รับ หลังจากนั้นก็ไม่โทรมาอีกเคยโดนอยู่ครั้งนึงเมื่อนานมาแล้ว (ประมาณสองเดือนเศษ) โทรมาทุก2-3 นาที ยังกะโดนตั้งโปรแกรมโทรอัตโนมัติแน่ะเมื่อเช้าก็มีโทรมาอีก แต่คราวนี้ขึ้นเบอร์ …. ครั้งแรกรับไป ก็ไม่มีคนพูด อืมมม เลยโทรกลับไป เพราะคิดว่าเป็นเพราะระบบติดต่อสื่อสารมันห่วย (บางทีกับคนรู้จัก โทรติด แต่พูดกันไม่ได้ยิน หรือว่าบางทีก็สายพันกัน) หมุนกลับไปก็มีคนรับนะ แต่ว่าก็ไม่มีคนพูดอยู่ดี ลองอยู่สองครั้งก็เลิกผ่านไปสัก 15 นาทีก็โทรมาอีก คราวนี้ได้ยินเสียงหายใจจากอีกฝั่งชัดเจน แปลว่ามีคนถือสายอยู่แน่ๆ (ไม่น่าใช่เครื่อง) และไม่ยอมพูดอะไรเช่นเคย แต่พอบอกไปว่าได้ยินเสียงหายใจนะ ก็เงียบเสียงลง (เอาไปไกลจมูกมากขึ้นมั้ง) แปลว่าต้องได้ยินเรากับบางคนที่รู้จัก ก็เคยโดนเหมือนกัน ประมาณว่าโทรมาแล้วแกล้งพูดโน่นพูดนี่ ขอสายคนโน้นคนนี้ (ชื่อมั่วๆ) แล้วพอบอกว่าไม่ใช่ ก็ถามว่า แล้วนี่ใครพูด ชื่ออะไร ฯลฯเฮ้อ มันอะไรกันเนี่ยทุกครั้งผมจะพยายามคุยอย่างสุภาพ นอกจากจะสุดทนแล้ว ก็จะเริ่มพูดแรงบ้าง ทั้งๆ ที่ไม่อยากเลย ผมไม่อยากจะอยู่ใน conflict อะไรทั้งสิ้น (ใครที่เข้าใจผิด คิดว่าผมชอบทะเลาะกับชาวบ้าน กรุณาคิดใหม่ด้วยครับ)ผมว่ามันมีวิธีที่ดีกว่านี้มั้ยครับ วิธีที่มัน civilized กว่านี้หน่อย ไม่ว่าเรื่องอะไรก็แล้วแต่ อย่าสร้าง F.U.D (Fear, Uncertainty, Doubt) ในชีวิตซึ่งกันและกันเลยจะดีกว่า ช่วยกันรณรงค์ ลด ละ เลิก พฤติกรรมแบบนี้กันดีกว่าครับ

Computer Everywhere

อ่านบทความเรื่อง 10 weirdest computers หรือคอมพิวเตอร์ที่แปลกประหลาด (อาจจะ) เหนือจินตนาการ 10 แบบ (อ่านจาก slashdot อีกที)

เท่าที่อ่านๆ ดูก็ไม่เห็นมีอะไรแปลกประหลาดตรงไหน ใครที่แม่นๆ computation theory และเข้าใจเรื่อง computational equivalence ก็คงจะมองทุกอย่างเป็นคอมพิวเตอร์ได้ไม่ยากอยู่แล้ว เพียงแต่เราจะหาวิธีเขียน instruction ให้มัน compute อะไรเฉพาะเจาะจงได้ยังไงนี่อีกเรื่องนึง (คนละเรื่องเลย ยากง่ายต่างกันคนละเร่ือง)

บางแบบก็เป็นที่รู้จักกันโคตรจะดี เช่น optical computer, quantum computer, DNA computer หรือว่าบางแบบก็อาจจะแปลกหน่อย แต่ว่าไม่ใช่เรื่องใหม่ เช่น billiard ball computer, slime mould computer, water wave computer เป็นต้น

เอาเป็นว่า ลองอ่านกันดูเล่นๆ ละกันครับ สนุกไปอีกแบบ

เปิด rawitat.multiply

หลังจากที่ปิด rawitat.hi5 ไป เพราะว่าเหตุผลหลายอย่าง ตอนนี้ก็ลองเปิดใหม่อีกที่

rawitat.multiply.com

เอาไว้ทำไมน่ะเหรอ ไม่มีอะไรมากกว่าที่เก็บรูปครับ ส่วน blog และอื่นๆ ก็จะเขียนในนี้ต่อไป ข้อความข้างล่างนี่คัดมาจาก welcome message ใน web นั้นครับ

หลังจากสมัครไว้ชาติกว่าๆ …​ แต่ไม่ได้ทำอะไรกับมันเสียที ในที่สุดก็หาเรื่องใช้ที่นี่จนได้

ไม่มีอะไรมากไปกว่าเว็บน่าเบื่อ ของคนน่าเบื่อ ที่บังเอิญชอบถ่ายรูปคน (เมื่อไม่นานมานี้ — เมื่อก่อนถ่ายแต่วิว) แต่ก็ไม่ได้เป็นมืออาชีพอะไร

บางรูปก็ดี บางรูปก็ไม่ค่อยจะดี แต่ว่าทุกรูปในนี้ “ไม่ผ่าน Photoshop” นอกจากปรับ color histogram กับ temperature ใน iPhoto แค่นั้น (อันนี้อุดมการณ์) และ “ไม่ได้ถ่าย RAW” (อันนี้เปลืองพื้นที่)

จะมีรูปใครบางคนมากหน่อยนะครับ …. พอดีมีนางแบบส่วนตัว (น้องเกด) ครับ

และอีกอย่างครับ รูปทุกรูปที่ลงในนี้ ขออนุญาตบุคคลในรูปแล้วครับ และในบางกรณี (โดยเฉพาะกรณีน้องเกด) เจ้าตัวจะเป็นคนเลือกให้เองด้วย ถ้าบังเอิญรูปไหนไปติดใคร และอยากให้ลบ กรุณาติดต่อนะครับ จะทำการลบให้โดยไม่มีข้อแม้

ไม่มีอะไรเขียนเพิ่มเติมครับ เชิญทัศนาตามอัธยาศัย แต่ว่ารูปไม่สวยอย่าว่ากันนะครับ ผมก็แค่คนธรรมดาๆ ที่ชอบถ่ายรูปคนหนึ่งครับ ไม่ใช่มืออาชีพอะไร

Lambda และ Closures ใน C++0x

ในที่สุดสิ่งที่รอมานานกับภาษาแรกๆ ที่หัดเขียนโปรแกรมก็เป็นจริงซะที หลังจากที่มันพยายามทำตัวเป็น Functional language แบบห่วยๆ (ลูกผีลูกคนเกินไป) มานานแล้วตั้งแต่ STL ….

C++ and Lambda Function Tradeoff: Clutter vs. Expressiveness (จาก Beautiful Code)

ช่วงนี้ภาษาหลายภาษาเริ่ม propose การเอาความสามารถของภาษาตระกูล Functional (พวก Lisp, Haskell) เช่น Lambda expression เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของภาษามากขึ้น ซึ่งหลายภาษาทำแล้วก็ดูดีขึ้น เลยทำให้เรามีความคาดหวังสูงพอควรกับภาษา C++0x ล่ะมั้ง

แต่ว่าพออ่านจาก ISO C++ Standards Meeting report …. โอ้ว แม่เจ้า ทำไมมัน clutter ได้ขนาดนั้น แบบนี้ไม่ค่อยจะปลื้มเลยนะเนี่ย

ผมคิดมาตั้งนานแล้ว ว่าข้อเสียที่ใหญ่ที่สุดของ C++ มันคือสิ่งที่มันพยายามให้เป็นข้อดีที่สุดน่ะแหละ คือการเป็น multi-paradigm language โดยที่ไม่มี paradigm ไหน dominant เท่าไหร่

ผลที่ตามมาน่ะเหรอครับ? ทุกวันนี้หลายคนก็ยังเขียน C++ แบบ C/Pascal หลายคนก็ยังเขียน OOP กับ C++ ไม่เป็น OOP ฯลฯ ไม่พอ ตอนที่ STL เริ่มจะมีความสามารถแบบ Functional ตลอดจนการมี Function Object และฟีเจอร์อื่นๆ อีกมากมาย ทำให้มีผลอย่างหนึ่งคือ การเขียนโปรแกรมเพื่อทำงานอย่างหนึ่งใน C++ เนี่ย มันทำได้หลายแบบเกินไป…. ถ้าเป็นหลายแบบใน paradigm เดียวกันคงจะไม่เป็นไรเท่าไหร่ แต่ว่านี่มันหลายแบบในหลาย paradigm

แบบนี้สับสนตายชัก และนับวัน C++ ก็จะมี identity crisis มากขึ้นทั้งที่มันไม่ควรเป็นแบบนั้น

เสียดาย…​เสียดาย

เท่าที่ดูผ่านๆ จากตัวอย่าง ถ้าให้ผมเลือกระหว่างการใช้ Lambda expression ใน C++0x กับเลือกใช้ Function object ผมคงจะเลือกอย่างหลัง ….​ เพราะว่ามันยังอ่านง่ายกว่า code มันสวยกว่า (สะอาดกว่า) ทั้งๆ ที่ใจชอบ Lambda มากกว่า (ใช้มันทุกภาษา…. ถ้ามีให้ใช้ …​และแล้วก็คงจะเจอข้อยกเว้นจนได้ — ถ้าวันนั้นยังเขียน C++ อยู่นะ)

CountryData, CityData ใน Mathematica 6

ใช้ Mathematica มาตั้งหลายปี (ห้าปีได้แล้วมั้ง? ถ้าเป็นแฟนก็คงกำลังอยู่ในช่วงคบใกล้เลิกพอดี จากระยะเวลา ….) เพิ่งจะรู้ว่าเวอร์ชันนี้มันมีของเล่นใหม่เยอะตอนตามอ่าน Wolfram Blog น่ะแหละ ของเล่นอื้อซ่าเลย

วันนี้ลองเข้าไปอ่านๆ ดู เจอของดีน่ะ ว่ามันมี CountryData กับ CityData ให้ใช้ด้วยแฮะ พอเรียกใช้แล้วมันจะติดต่อกับ server ของทาง Wolfram แล้ว update ข้อมูลใหม่ให้เราเองตามที่เราต้องการ

เจ๋งดีอ่ะ

แต่ว่าช้านิดแฮะ อย่างว่า สงสัยไม่ Net เรามันไม่ค่อยจะเร็วเท่าไหร่ ก็ข้อมูลมันเยอะ นี่ลองทำตามตัวอย่างดูหน่อย

CountryData["France", "Shape"]

แล้วก็รอชาตินึง (ก็พวกเล่นลงข้อมูลทีเดียวทั้งโลกนี่หว่า) ก็ได้ผลเป็นรูปร่างของประเทศฝรั่งเศส นอกจากนั้นก็ยังมี attribute ให้เล่นอีกหลายตัว เช่น Population หรือว่าข้อมูล GDP แต่ละปี

เสร็จแล้วเราก็ลองของไทยดูบ้าง… อืมม สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น ลองดูเองดีกว่า

mathematica1.png

เจ๋งแฮะ ทำให้ชักอยากจะกลับมาลองเล่น Mathematica 6 จริงๆ จังๆ ซะแล้ว (ตอนที่ 5 ออกนะ ไม่ค่อยมีความรู้สึกว่ามันต่างจาก 4 เท่าไหร่ พวก WOW factor แบบนี้ต่ำพอควร หรือว่าผมคิดไปเองก็ไม่รู้)