Lambda และ Closures ใน C++0x

ในที่สุดสิ่งที่รอมานานกับภาษาแรกๆ ที่หัดเขียนโปรแกรมก็เป็นจริงซะที หลังจากที่มันพยายามทำตัวเป็น Functional language แบบห่วยๆ (ลูกผีลูกคนเกินไป) มานานแล้วตั้งแต่ STL ….

C++ and Lambda Function Tradeoff: Clutter vs. Expressiveness (จาก Beautiful Code)

ช่วงนี้ภาษาหลายภาษาเริ่ม propose การเอาความสามารถของภาษาตระกูล Functional (พวก Lisp, Haskell) เช่น Lambda expression เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของภาษามากขึ้น ซึ่งหลายภาษาทำแล้วก็ดูดีขึ้น เลยทำให้เรามีความคาดหวังสูงพอควรกับภาษา C++0x ล่ะมั้ง

แต่ว่าพออ่านจาก ISO C++ Standards Meeting report …. โอ้ว แม่เจ้า ทำไมมัน clutter ได้ขนาดนั้น แบบนี้ไม่ค่อยจะปลื้มเลยนะเนี่ย

ผมคิดมาตั้งนานแล้ว ว่าข้อเสียที่ใหญ่ที่สุดของ C++ มันคือสิ่งที่มันพยายามให้เป็นข้อดีที่สุดน่ะแหละ คือการเป็น multi-paradigm language โดยที่ไม่มี paradigm ไหน dominant เท่าไหร่

ผลที่ตามมาน่ะเหรอครับ? ทุกวันนี้หลายคนก็ยังเขียน C++ แบบ C/Pascal หลายคนก็ยังเขียน OOP กับ C++ ไม่เป็น OOP ฯลฯ ไม่พอ ตอนที่ STL เริ่มจะมีความสามารถแบบ Functional ตลอดจนการมี Function Object และฟีเจอร์อื่นๆ อีกมากมาย ทำให้มีผลอย่างหนึ่งคือ การเขียนโปรแกรมเพื่อทำงานอย่างหนึ่งใน C++ เนี่ย มันทำได้หลายแบบเกินไป…. ถ้าเป็นหลายแบบใน paradigm เดียวกันคงจะไม่เป็นไรเท่าไหร่ แต่ว่านี่มันหลายแบบในหลาย paradigm

แบบนี้สับสนตายชัก และนับวัน C++ ก็จะมี identity crisis มากขึ้นทั้งที่มันไม่ควรเป็นแบบนั้น

เสียดาย…​เสียดาย

เท่าที่ดูผ่านๆ จากตัวอย่าง ถ้าให้ผมเลือกระหว่างการใช้ Lambda expression ใน C++0x กับเลือกใช้ Function object ผมคงจะเลือกอย่างหลัง ….​ เพราะว่ามันยังอ่านง่ายกว่า code มันสวยกว่า (สะอาดกว่า) ทั้งๆ ที่ใจชอบ Lambda มากกว่า (ใช้มันทุกภาษา…. ถ้ามีให้ใช้ …​และแล้วก็คงจะเจอข้อยกเว้นจนได้ — ถ้าวันนั้นยังเขียน C++ อยู่นะ)

GNUstep 1.6, 1.8 LiveCD

อ่านจาก OSnews เรื่องข่าว 1.6 LiveCD ไม่ทันไรก็มีข่าว 1.8 LiveCD อีก

รู้สึกว่าช่วงนี้จะ active มากหน่อยนะเนี่ย …. เคยชอบมากเลย project นี้ แต่ว่าพอเปลี่ยนจาก Linux มาเป็น OS X แล้วก็ไม่ค่อยได้เล่นเท่าไหร่ รู้สึกว่าครั้งสุดท้ายที่ลองเล่นนี่ชาตินึงแล้วมากๆ

รู้สึกดีจัง กับ project ที่เราเคยชอบมากๆ … แต่ว่าด้วยอะไรหลายๆ อย่างทำให้ต้องเลิกเล่นไป แล้้วก็ไม่ได้ contribute อะไรเลย (แม้แต่ code ซักบรรทัด — เคยคิดว่าจะทำ app ไปลง GNUstep เหมือนกัน …​แต่ว่าไม่ล่ะ ตอนนี้อยากลองเขียนลง iPhone มากกว่า)

วันนี้กลับออฟฟิชเมื่อไหร่ จะลองเล่นดูครับ

Goodbye, SIGMA. Hello, DACI!

ผมพยายามตั้ง Lab วิจัยทาง Computational Science (ใน Link เป็นข้อมูล “เก่ามาก” ไม่ได้ update มานานมากกกก) ที่ภาควิชาคอมพิวเตอร์ คณะวิทยาศาสตร์ ม.ศิลปากร ตั้งแต่จบกลับมาทำงานใหม่ๆ และ Lab นั้นก็เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาภายใต้ชื่อ SIGMA Lab (Scientific & Informatics Group of Multidisciplinary Arts; และคำย่อก็แปลว่าการรวบรวมซะด้วย) ซึ่งอยู่ในภาควิชาคอมพิวเตอร์เป็นเวลาครึ่งปี ก่อนที่จะขยับขยายมาอยู่ที่ใหม่ ที่สถาบันวิจัยและพัฒนา ม.ศิลปากร เช่นกัน ภายใต้โครงการนำร่อง Silpakorn Digital Content City (ตามที่ได้คุยและปรึกษากับผู้บริหาร ในเรื่องที่ท่านต้องการผลักดัน) ซึ่งผมก็เคยได้ post กิจกรรมของ SIGMA Lab ไปใน blog นี้เมื่อนานมาแล้ว

และในวันนี้ วันที่ SDCC โตขึ้น งานการทั้งหมดออกในชื่อนี้มากขึ้น เทียบกับ SIGMA Lab ที่เป็นองค์กรเกือบจะลับๆ ที่ไม่มีตัวตน (เพราะว่าที่มหาวิทยาลัยไม่ได้มีระบบการเรียนการสอนแบบห้องวิจัย) และลักษณะงานที่ออกไปในเชิง Computational Science และ Scientific Computation ตามเจตนาเดิมน้อยลงไปทุกที (ถึงวันนี้แทบไม่มีเลย) ในขณะที่ความต้องการในการทำ Digital Content มีมากขึ้น ไปประชุมที่ไหนก็มีแต่เรื่องนี้ทั้งนั้น เรื่อง Digital Content กลายเป็นประเด็นหลักในการทำงาน การวางแผนงาน และการสนทนา …. หลายคนพยายามที่จะผลักดันให้กลายเป็นวาระแห่งชาติ (แต่ไม่รู้จะแค่ไปอยู่ในแผน ที่ไม่เคยมีผลจริงๆ หรือเปล่า)

นอกจากนี้ยังมีเรื่องของความสามารถของทีมงาน SIGMA Lab เอง ที่ไม่เพียงพอจะทำ Scientific Computation และยังไม่มีโจทย์อีกด้วย แต่ว่าถ้าเป็นเรื่องการทำเนื้อหาดิจิทัลล่ะก็ ..​ เรามีความพร้อมพอสมควร และคิดว่าทำได้ดีกว่า

จะอย่างไรก็ตาม วันนี้ถือเป็นวันสำคัญวันหนึ่งสำหรับคนที่ผมทำงานด้วย คือ SIGMA Lab จะไม่มีตัวตนอีกต่อไปแล้ว

ยินดีต้อนรับสู่ DACI: Digital Arts & Content Industry

เปิด ThaiMacGeeks.com

หลังจากหายไปนาน (อีกแล้ว) …. ผมก็ทำตาม “เป้าหมายปี 51” ข้อแรกได้แล้วครับ! …. ขอแนะนำ

ThaiMacGeeks | Together, We’re in Command!

ตั้งเป้าหมายเป็น Niche community ของ Mac Geeks ทั้งหลายในประเทศไทย สำหรับที่มาที่ไป ผมจะเล่าไว้ในหน้า About ที่ ThaiMacGeeks นะครับ แต่ว่าคร่าวๆ คือ

  • ผมเริ่มรู้สึกตัวว่า ผมเขียนเรื่อง Mac ลง blog บ่อยพอควร ส่วนมากจะเป็นเรื่อง tips & tricks หรือว่าข่าวสาร หรือว่าความเห็นส่วนตัวเสียด้วย ดังนั้นจึงไม่เหมาะกับ scope ของ Thai Mac Dev ซึ่งวางไว้ให้เป็น community ของ Mac developer ในประเทศไทย (ที่เนื้อหาจะ hardcore กว่า และเน้นหนักไปทางด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์ หรือว่าเรื่องที่เกี่ยวข้องโดยตรง)
  • ผมกับวีร์ (Geek #1 จาก dualGeek) เริ่มรู้สึกว่า เราสองคนมีเวลาทำ podcast ด้วยกันน้อยลงเรื่อยๆ เพราะว่าเวลาที่เจอกัน ว่างตรงกัน มันน้อยลง แต่ว่าถ้าจะเขียน มันจะเขียนได้เยอะกว่า ดังนั้นเราเลยเริ่มถามกันเองว่า “dualGeek น่าจะมี blog ของตัวเองสักที”
  • พอคุยกันไปคุยกันมา ผมก็เลยเสนอไปว่า ถ้างั้นแทนที่จะเขียนกันแค่สองคน เปิด community ใหม่อีกที่ดีกว่ามั้ย ให้เป็นแบบ dualGeek น่ะแหละ แต่ว่าให้ Mac Geeks ทุกคนโชว์ความเป็น geek ของตัวเองได้เต็มที่ ใครจะเขียนอะไรก็เขียน ภายใน scope ที่เราวางไว้น่ะแหละ (ตาม category)
  • ทุกคนจะมี blog ส่วนตัว และเขียนเรื่องลงได้เรื่อยๆ โดยที่ผมกับวีร์จะทำหน้าที่เป็น author & editor ไปก่อนในช่วงแรก ทุกเรื่องจะได้ขึนหน้าแรกหมด แต่ว่าถ้าเรื่องไหนไม่ค่อยจะสมเหตุผล หรือว่าส่วนตัวมากไปหน่อย ก็อาจจะมี edit บ้าง หรือว่า demote จากหน้าแรก

ก็คงประมาณนี้แหละครับ สำหรับ Mac Geek ทุกท่านที่ติดตาม blog นี้ พบกันที่ ThaiMacGeeks นะครับ

Ruby 1.9-dev released!

Ruby > Ruby 1.9.0 is released ของขวัญ Christmas จาก Matz!

รอคอยกันมานาน กับ Ruby 1.9 ซึ่งเป็น major release แรกหลังจาก 1.8 ออกมานานแล้ว ซึ่งใน version นี้จะมีอะไรหลายๆ อย่างเพิ่มเข้ามา โดยเฉพาะที่หลายๆ คนรอคอยกัน ก็คือประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้น ความเร็วที่เพิ่มขึ้น

  • เนื่องจากมันเป็น development release ดังนั้นมันจะยังไม่ stable นะครับ (จาก message ของ Matz เองใน ruby-forum.com

    We couldn’t make it error free, but it’s fairly good, we hope.

  • ใครที่ใช้ Ruby on Rails เป็นหลัก อย่าเพิ่ง ลงเด็ดขาดครับ เพราะว่ามันยังไม่ compatible กัน ทาง Rails จะยังต้องเปลี่ยนโน่นเปลี่ยนนี่เยอะเหมือนกันนะ (อันนี้ผมไม่ confirm ครับ เพราะว่าผมยังไม่ได้ลองดู Ruby 1.9 และภายในของ Rails ละเอียดพอที่จะให้ comment อะไรได้) แต่ว่าก็มีคนศึกษาเรื่องนี้เหมือนกัน เช่นที่ eigenclass เป็นต้น
  • ในขณะที่ประสิทธิภาพสูงขึ้นพอควรจาก benchmark ต่างๆ นั้น … ประสิทธิภาพกับ Rails (เท่าที่ test ได้) กลับไม่ดีขึ้นเท่าที่ควร (และแย่ลงด้วยในบางกรณี)

ร้องเพลงรอกันไปนิดดีกว่าครับ แต่ว่าถ้าใครมีเวลาก็ลองเล่นดูก็ดีครับ เพราะว่าไม่ช้าก็เร็ว เราก็ต้องเจอกับมันอยู่แล้ว

Joke: Schrödinger’s Cat (+ ข่าวเรื่อง Quantum Computer)

ขำมากๆ…..!

พอดีอ่านเรื่อง Light-based Quantum Circuit Does Basic Maths จาก Slashdot

เป็นเรื่องเกี่ยวกับความก้าวหน้าของงานวิจัยในการสร้าง quantum computer ของออสเตรเลีย (Queensland) ที่พัฒนา light-based 4-qubit quantum computer (ZDNet) โดยใช้เลเซอร์ในการ entangle photons ผ่าน linear optical circuit (ที่เหลืออ่านตาม link และ /. เอาเองนะครับ)

เจอ joke ที่สุดยอดมากๆ (IMO)

— Wanted —

Schrödinger’s Cat

Dead or Alive

จาก username Intron และมี reply ต่อมาจาก username geekoid

— Wanted —
Schrödinger’s Cat
Dead and Alive

โอ๊ย…. ขำมาก! (ถ้าไม่ get ลองหาเรื่องเกี่ยวกับ Schrödinger’s Cat อ่านดูนะครับ :-) และถ้าอยากอ่านเต็มๆ ผมแนะนำให้เข้าอ่านที่ตัวข่าวและบทความใน /. ดูครับ

จริงๆ ที่ /. มี comment ขำๆ เยอะครับ และมีความรู้ดีๆ เยอะครับ เรียกว่าเป็นอีก web นึงที่ผมต้องอ่านทุกวันมาตั้งแต่เรียน ป. ตรี :-)

Maksim Mrvica กำลังทำอัลบั้มใหม่!

วันนี้เพิ่งจะบ่นๆ ว่าเพลงพวก classical crossover (ชอบฟังมากเวลาขับรถ) นี่พักนี้เงียบเหลือเกิน … ศิลปินที่ชอบมากๆ อย่าง Maksim Mrvica (wikipedia) ที่ปกติจะออกปีละอัลบั้ม ตั้งแต่ The Piano Player ปี 2003 มาถึง Electrik ปี 2006 ก็ไม่ออกอัลบั้มใหม่มาพักนึงแล้ว นี่ก็ใกล้ปลายปีแล้วด้วย …..​ ว่ามี internet connection เมื่อไหร่จะ check​ ซะหน่อย … และแล้ว

ข่าวดี! จาก maksimmrvica.com สดๆ ร้อนๆ (ลงวันที่ 17 พย. นี้เอง) บอกว่า Maksim กำลังอัดอัลบั้มใหม่อยู่ โดยที่เริ่มมาตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านไปแล้ว ที่ Olympic Studio, London และจากข่าวบอกว่าอัลบั้มนี้จะต่างจากอัลบั้มหลังๆ หน่อย ตรงที่จะไม่มีเครื่องดนตรีอื่นเลย นอกจากเปียโนเท่านั้น (ปกติจะเป็นเปียโน + วง orchestra) อืมมมม คงจะให้อีกอารมณ์ เพราะว่าพวก classical crossover แบบ soloist นี่ไม่ค่อยเห็นแฮะ

จริงๆ ก็ชอบแบบ instrument+orchestra นะ อาจจะยกเว้นอัลบั้มที่สองไว้หน่อยนึง (หน่อยนึงจริงๆ) เพราะว่าอัลบั้มนั้น Royal Philharmonic เล่นเด่นไปนิด กลบเสียงเปียโนซะหมด จนบางทีมีความรู้สึกว่าต้องพยายามกระแทกเปียโนให้มันแรงกว่าที่มันควรจะเป็น จะได้มีเสียงหลุดออกมาบ้าง … จริงๆ อัลบั้มที่สองก็ดี เพียงแต่ว่าเป็นอัลบั้มเดียวที่มี comment แบบ negative หน่อย……

นับถอยหลัง Boot Camp Beta

Apple ได้ ออกโรงเตือน ผู้ใช้ Boot Camp ว่าซอฟต์แวร์รุ่นทดลอง (beta) ตัวนี้ได้หมดอายุลงไปเรียบร้อยแล้วเมื่อวานนี้​ (30 กันยายน) สำหรับ Boot Camp รุ่น 1.2 หรือก่อนหน้า โดยที่เมื่อหมดอายุแล้วจะไม่สามารถใช้งาน Boot Camp Assistant ได้อีกต่อไป

To continue using Boot Camp Beta for Microsoft Windows on your Intel-based Mac, you’ll need to update to Boot Camp Beta 1.4, until Mac OS X 10.5 Leopard is available.

อันนี้ confirm เพราะว่าเครื่องผมลงไว้เป็น 1.2 เท่านั้น (แต่ว่าไม่เคยใช้เลย)

สำหรับรุ่นหลังจากนั้น (ถึง 1.4) ทาง Apple ก็ได้บอกว่าจะยังคงทำงานต่อได้อีกสักพักจนกว่า Leopard (ซึ่งจะมี Boot Camp ตัวจริง) จะออกมาในเดือนนี้ ซึ่งเมื่อวันนั้นมาถึง ทาง Apple ก็ได้บอกว่าการที่จะใช้งาน Boot Camp ต่อไปนั้นจะต้อง upgrade เป็น Leopard จาก statement นี้นะ

To continue using Boot Camp at that time, upgrade to Mac OS X 10.5 Leopard.

เอาล่ะสิ ท่าทางจะเป็นเรื่องแฮะคราวนี้ ไม่รู้จะโดนอะไร ไม่รู้จะมาไม้ไหน แต่ว่าตอนนี้ผมไม่เดือดร้อนนะ เพราะว่าก็ไม่ได้ใช้ Windows อยู่แล้วด้วย (แบ่ง partition เผื่อไว้ตั้งนาน ว่าจะลงๆ ก็ไม่ได้ลงซักกะที ลงไปก็คงไม่ได้ทำอะไรมากกว่าเล่นเกม กับทดสอบพวกโปรแกรมบน Windows เพื่อเก็บข้อมูลในการทำงานล่ะมั้ง …)

แต่ว่าอนาคตเป็นเรื่องไม่แน่นอน ยังไงอาจจะมี Boot Camp รุ่นสำหรับ Tiger ตัวเต็มออกมาให้ใช้งานก็ได้นะ (แต่ว่าอ่านจาก statement ของ Apple แล้วไม่อยากจะหวังอะไรมากแฮะ ยิ่งพักหลังๆ นี่ยิ่งเขี้่ยวๆ อยู่ด้วยกับเรื่องพวกนี้)

ทำไมผมรู้สึก negative กับ Apple พักหลังๆ ยังไงก็ไม่รู้แฮะ ส่วนหนึ่งก็เข้าใจอ่ะนะ ว่า policy ส่วนมากมันก็ผูกพันกับการตลาด ธุรกิจ แล้วก็ผลประโยชน์ร่วมกัน (เช่นเรื่อง iPhone เป็นต้น) แต่ว่าเรื่องเล็กน้อยแบบ Boot Camp นี่ ทำไมถึงกับต้องให้ upgrade เป็น Leopard ทั้งๆ ที่ตอนนี้มันก็ยังทำงานได้ไม่ขัดข้องอะไร หรือว่ามันจะต้องไปใช้ feature อะไรที่ Leopard มันมีแต่ Tiger ไม่มี? อันนี้ไม่น่าใช่หนัก แล้วเพราะอะไร? คนอยากจะใช้ Leopard เต็มบ้านเต็มเมืองอยู่แล้ว คิดว่าไม่ต้องพยายาม force คนทุกครั้งที่มีโอกาส และทุก feature หลักที่ทำให้หลายคนยอมใช้ Mac อยู่ก็ได้นะ

แต่ว่าก็มองอีกแง่นึงแฮะ เพราะว่าคนที่แคร์กับ Boot Camp “ส่วนมาก” ย้ำ “ส่วนมาก” จะเป็นพวก switcher ที่อาจจะไม่ค่อยจะสนใจ OS X หรือเปล่านะ ก็เลยต้องหาเรื่อง force แบบนี้ ไม่งั้นอาจจะไม่สนใจ upgrade กัน ทำให้เสียโอกาสและ revenue?

แต่ช่างเถอะ … ยังมีเวลาเหลืออีกหน่อย ไว้ค่อยดูกัน

อ้างอิง: When does Boot Camp Beta expire?, Apple Support Article ID: 306583

Apple ตบเกียร์เข้าโค้งสุดท้าย Leopard

Apple เร่งเครื่องทำ Leopard (OS X รุ่น 10.5) เพื่อให้ออกทันตุลาคมนี้ และให้มีความสมบูรณ์ที่สุดเท่าที่จะทำได้ (แน่นอน มันไม่สมบูรณ์หรอก ไม่มี software ตัวไหนหรอกที่สมบูรณ์ไม่มีปัญหาหรือว่ามี feature ครบถ้วน)

ช่วงนี้เราจะเห็น build ต่างๆ ของ Leopard เริ่มออกมาถี่ยิบ ซึ่งเป็นพฤติกรรมปกติของ Apple ช่วงโค้งสุดท้ายก่อนจะออก OS รุ่น gold master อยู่แล้ว หลังจาก 9A499 ออกไม่นานก็มี 9A500n ซึ่งถึงแม้ว่ามันจะดูเหมือน minor revision มากๆ (เลข build เพิ่มนิดเดียว) แต่ว่าจาก blog ชาวบ้านและ web ข่าวหลายที่ บอกว่าขนาดตั้ง 500 กว่า MB แน่ะ เยอะเอาเรื่องนะเนี่ย และเท่าที่อ่านมา ก็รู้สึกว่าจะ stable มากขึ้นเยอะ (หลายคนด่า 499 ว่า buggy มาก และไม่ stable มาก) … หลังจากนั้นอีกไม่นานก็มี 9A527 อีก ซึ่งตัวนี้เห็นบอกว่ามี interface tweak หลายจุด (โดยเฉพาะ menu bar ที่ transparent น้อยลงเยอะ ดูดีขึ้นเยอะ แล้วก็เรื่อง color tone ที่ deep กว่าเดิมและดู unified มากขึ้น) ซึ่งอันนี้หา screenshots ดูได้ทั่วไป

แล้วมีอะไรอีก? อืมมม ตอนนี้ท่าทางจะเริ่มเข้าช่วง optimization ล่ะ เพราะว่าเห็นรายงานเหมือนกันว่าขนาดของซอฟต์แวร์หลายตัวเล็กลงกว่า build ก่อนๆ เยอะ (ถึงส่วนมากมันจะยังใหญ่กว่ารุ่นที่อยู่ใน Tiger ก็เถอะ ก็อย่างว่า feature มันคงจะเยอะขึ้น optimize ยังไงก็ยังใหญ่กว่าอยู่ดีมั้ง แต่ว่าไม่แน่ iWork 08 ยังเล็กกว่า iWork 06 ตั้งเยอะ)

ยังไม่รวมถึงเรื่องที่ผมไม่ค่อยสนใจ พวก welcome video ใหม่ หรือว่า default background ที่เป็นอวกาศนะ (ยังไม่รู้เลยว่าตัว final จะเป็นตัวนี้หรือเปล่า) เพราะว่าพวกนี้มันไม่ได้มีผลกับ user experience โดยรวมอยู่แล้ว

เท่าที่ดูจาก refinements ล่าสุด ผมค่อนข้างจะ possible นะกับสถานะของ Leopard แต่ว่าตอนนี้ผมอยากจะรู้รายละเอียดของ Leopard Server แฮะ ตื่นเต้นกับเจ้าตัวนี้ที่ WWDC 06 มากกว่าตัว workstation ที่เราใช้ๆ กันเยอะ อยากเห็นอะไรตั้งหลายอย่าง ไม่รู้จะเป็นไงมั่ง

แต่ว่าก่อนจะถึงรุ่น Gold master จริงๆ ก็คงจะมีอีกประมาณ 2-3 builds เป็นอย่างน้อยละมั้ง โดยเฉพาะช่วงท้ายๆ จริงๆ ที่อาจจะมีหลาย build เลยแหละที่เป็น Release Candidate (RC) แล้วตัวใดตัวหนึ่งที่จะกลายเป็น Gold master ….

New Honda Accord 2008

Honda เปิดตัว Accord ใหม่อย่างเป็นทางการแล้ว

2008 Honda Accord unveiled! — Autoblog
2008 Honda Gallery — Autoblog

จริงๆ ผมเพิ่งจะซื้อ รถคันใหม่ เป็นรุ่น 2007 minor change ของ Accord ตัวปัจจุบัน (ไอ้รุ่นที่เค้าว่าบั้นท้ายขัดตา เหมือน Benz โดน Soluna ข่มขืน น่ะแหละ) ได้ไม่นานมานี้ และตอนที่จะซื้อนั้นทั้งเซลล์ทั้งคนที่รู้จัก ต่างก็บอกว่า อีกไม่นาน New Accord จะออกแล้วนะ รอหน่อยจะดีกว่ามั้ย


(ภาพจาก Autoblog)

แต่ว่าความรู้สึกแรกของผม หลังจากที่เห็นภาพแล้วก็คือ ไม่ค่อยจะสวยอย่างที่หวังไว้เท่าไหร่ มีอะไรบางอย่างที่มันขาด/หายไปนะ (ในขณะที่รุ่นที่แล้วมันเกินมาหน่อยตรงท้าย) …. รู้สึกว่า concept มันจะเปลี่ยนไปจากตัวปัจจุบันพอสมควรหรือเปล่า

  • ด้านหน้า ในขณะที่ตัวปัจจุบันเป็นสาวหน้าคม ตาโตคิ้วโก่ง ตัวใหม่นี่จะหน้าค่อนข้างเหลี่ยม ตาตี่เล็ก (ทำไมผมนึกถึงลูกสาวท่านอดีตนายกฯ วะ) รู้สึกว่าความเป็น sport มันหายไปจาก design ค่อนข้างเยอะเหมือนกัน
  • ด้านท้าย ในขณะที่ตัว 2007 minor change นี่จะเป็น Benz + Solution ที่มีไฟหยดน้ำขัดตามากๆ …. เกะกะ ตัวนี้รู้สึกว่าจะละม้ายคล้ายคลึงกับ BMW Series 5 นะ ผมก็ว่าแบบนี้สวยดี เรียบหรู กว่าตัวปัจจุบันเยอะ สรุปว่าชอบบั้นท้ายตัวนี้แฮะ (แต่ว่าจากรูปรุ่นสีดำไม่สวยอ่ะ สีขาวสวยกว่าเยอะ)
  • Interior ไม่ได้ต่างจากตัวปัจจุบันมากเท่าไหร่ นอกจากจะมีจอ built-in (สำหรับ navigator และน่าจะประโยชน์อื่นๆ ด้วย) แล้วก็สาย AUX อ่ะนะ ไม่ต้องเอาไปทำแบบตัวปัจจุบัน เท่าที่ดูก็ค่อนข้างจะ roomy ดีนะ กว้างแล้วก็ simple แต่ว่า elegance ดี ซึ่งก็เป็น concept ของภายใน Accord อยู่แล้ว
  • เท่าที่อ่านจาก spec นะ มันมี horsepower มากขึ้น แล้วก็ตัวรถใหญ่ขึ้น มีพื้นที่ภายในมากขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องดีเหมือนกัน (แต่ว่าคงจะขับในที่แคบๆ ยากขึ้นนิด)
  • ขาดอะไรไปอีกอย่างหว่า ….​ เออใช่ เรื่องนี้สำคัญเหมือนกัน เพราะว่า Accord ตัวใหม่นี้ ผมรู้สึกว่ากระจกหน้ามันเล็กลงยังไงไม่รู้แฮะ ทั้งๆ ที่อย่างนึงที่ผมชอบมากกับรุ่นปัจจุบันคือ กระจกหน้าที่มันกว้างมาก+กระโปรงหน้าที่ค่อนข้างเตี้ย ทำให้เห็นได้กว้าง
  • ดูไปดูมา เริ่มจะมีความรู้สึกว่ามันคล้ายๆ กับ Camry ตัวปัจจุบันแฮะ รู้สึกว่ามันจะอายุมากขึ้นกว่าตัว 2007 เยอะเลย พยายามให้ดูภูมิฐานมากขึ้นหรือเปล่าก็ไม่รู้

เสียดายนะ ….​ หรือว่าหลังจากที่ผมเห็น New Civic ที่กล้าคิดกล้าคำใหม่ กล้า redesign ฯลฯ แล้วผมจะคาดหวังมากไปกับ Accord 2008 ก็ไม่รู้ เพราะว่า New Civic นี่มัน innovative แล้วก็เป็น radical change มากๆ เรียกได้ว่า อย่าไปบอกเลย ไม่กลัวการเปลี่ยนแปลงหรือความแตกต่าง แต่บอกว่า กล้า “สร้าง” ความแตกต่างและ “สร้าง” การเปลี่ยนแปลงดีกว่า …​ แต่ว่า New Accord ตัวนี้ เหมือนกับพยายามหยิบเอา “สูตรสำเร็จ” จากคนอื่นมาใส่ในรถตัวเอง ทำให้เสียความเป็นตัวเอง เสียเอกลักษณ์หลายๆ อย่างไปเลยด้วยซ้ำ

แต่ว่าเอาไว้เห็นตัวจริงก่อนอาจจะดีกว่าแฮะ

ปล. ลืมไป ว่าตัว Coupe จะดูดีกว่าหน่อยนะ ตัวนั้นจะหน้าคมกว่านิด เฉี่ยวกว่าหน่อย


(ภาพจาก Autoblog)

เรียกว่าเป็นน้องหมวยหน้าเรียวคม ก็คงจะได้ล่ะนะ สวยใช้ได้กว่ากันเยอะเลย

[update 1] เมื่อกี้คุยกับคุณวีร์ (เจ้าของ Honda แห่งหนึ่ง) เห็นตรงกันว่า เห็น New Civic, New CR-V แล้วมาเจอ New Accord นี่ ความรู้สึกคงประมาณเดินๆ ขึ้นเขาอยู่ดีๆ แล้วตกเหว