ซื้อ software แท้ vs. crack/เถื่อน

Dilemma (ทางสองแพร่ง) ที่มีมาช้านานในบ้านเรา ว่าซอฟต์แวร์ที่เราใช้เนี่ย จะซื้อของแท้ หรือว่าหาใช้ของเถื่อนตามศูนย์ซอฟต์แวร์แห่งชาติ หรือว่าดาวน์โหลดจากเน็ต ซึ่งคำตอบของทางเลือกมันก็ขึ้นกับหลากหลายปัจจัยด้วยกันล่ะนะ

  • หลายคน (ความเชื่อสาธารณะ) ยังคงมองซอฟต์แวร์ ว่าเป็นสิ่งที่แถมมากับเครื่องอยู่ พอจะซื้อเครื่องใหม่ ก็มักมีค่านิยมให้ร้าน load โปรแกรมให้เยอะๆ จะใช้ไม่ใช้อีกเรื่องนึง load ไว้ก่อน ซึ่งก็เลยกลายเป็นงูกินหางกับทางร้าน เพราะว่าการ load ซอฟต์แวร์ที่ลูกค้าต้องการให้ได้ กลายเป็น competing feature หนึ่งไปซะงั้น
  • Trialware/Shareware หลายตัวที่มีให้ download ใช้เพื่อทดลองจากเน็ต พอหมดอายุหรือว่าหมด feature เราก็มักจะนิยมทำการ “หา crack” หรือ “หา serial” ที่มันก็ไม่ได้หายากหาเย็นเท่าไหร่ เป็นอันดับแรกๆ ในความพยายามที่จะทำให้เราได้ใช้ซอฟต์แวร์ตัวนั้นๆ ต่อไป
  • ราคา อันนี้เรื่องใหญ่และเป็นปัญหาโลกแตก … จ่ายแพงกว่าทำไม ในเมื่อจ่ายร้อยเดียวได้ (หลายโปรแกรมด้วย) ทำไมต้องจ่ายเป็นพันด้วย? (ไม่ใช่แค่พันหรอก ซอฟต์แวร์บางตัวแพงกว่าเครื่องอีก อย่าง Mathematica เงี้ย ซื้อ laptop ได้สองเครื่องสบายๆ)
  • Availability อันนี้อาจจะเป็นเรื่องใหญ่กว่าด้วย … โปรแกรมหลายตัวอยากใช้ด่วนน่ะ แต่ว่ามันไม่มีขาย ติดต่อตัวแทนจำหน่ายก็เรื่องมาก ท่าเยอะ ต้องมีกระบวนการมากมายวุ่นวาย ทั้งเรื่องการเงิน ฯลฯ เฮ้อ ขับรถไปศูนย์ซอฟต์แวร์แป๊บเดียว ดีกว่ากันเยอะ
  • Support เราหลายคนก็ไม่ได้ต้องการ support อะไรมากมายกับโปรแกรมที่เราซื้อมาซะด้วย เพราะว่าส่วนมากก็ไม่ได้ใช้งานมากอะไรถึงขนาดที่ทำให้ support มัน crucial ขึ้นมา ใช้งานงูๆ ปลาๆ ไม่กี่ feature ไม่กี่อย่าง คลำๆ เอาเอง หรือว่าถ้ามันไม่ work จริงๆ ก็ไปเรียนเอา หรือว่าหาคนสอนแถวๆ ไหนก็ได้เอา

เอาเป็นว่า จะเหตุผลใดก็แล้วแต่ ทำให้การใช้ซอฟต์แวร์เถื่อนยังคงเป็นทางเลือกหลักของการใช้งานโปรแกรมคอมพิวเตอร์ในบ้านเราอยู่ดี

แล้วผมเขียนถึงเรื่องนี้ทำไม …​ พอดีวันนี้ iWork 08 หมดอายุ trial 30 วันแล้ว ก็เลยไปซื้อของแท้แบบมีกล่องมาซะหน่อย (จริงๆ ซื้อ license/serial ผ่าน net ก็ได้ แต่ว่าไหนๆ มันก็ราคาพอกัน ได้กล่องด้วยดีกว่า .. พวกบ้าวัตถุก็เงี้ย) …​ แล้วผมทำงั้นไปทำไมล่ะเนี่ย ก็ในเมื่อ iWork มันก็หา serial เถื่อนได้นี่ (จริงๆ ผมก็มี serial เถื่อนอยู่ในมือเรียบร้อยแล้วล่ะ)

ผมยืดถือธรรมเนียมปฏิบัติส่วนตัวอยู่ไม่กี่ข้อในการใช้ซอฟต์แวร์นะ

  1. Freeware/Free Software/Open Source มาก่อนเสมอ ถ้าทำได้ จ่ายแพงกว่าทำไมถ้ามีของฟรี (จริงๆ ไม่ใช่ละเมิดเค้ามา) หลายตัวมันไม่ feature-complete แต่ว่าถ้าเราต้องการใช้มากกว่านั้นและบังเอิญมันมีใน commercial software ก็จ่ายตังค์ซื้อ feature พวกนั้นไปสิ ถ้าเราไม่มีปัญญาจ่ายก็ถือว่าเราไม่ได้ต้องการมันจริง (รักจริงต้องสู้สินสอดได้) และใช้ๆ ไปเถอะ เราจะพบว่าหลายครั้งเราหลอกตัวเองว่าเราต้องการโน่นนี่ จริงๆ ไม่มีไม่ตายหรอก พวก Freeware/FS/OS พวกนี้หลายต่อหลายตัว “เจ๋ง” กว่าที่หลายคนคิดเยอะ
  2. ถ้าจำเป็นจริงๆๆๆๆ ก็ใช้มันไปเถอะ ไอ้ซอฟต์แวร์เถื่อนน่ะ แต่ว่านี่หมายถึงต้องหา Freeware/FS/OS ที่ทำงานแทนได้แบบสุดความสามารถแล้วนะ ห้ามเอามาเป็นข้ออ้างเด็ดขาดด้วย และต้องใช้ในการทำมาหากิน “เท่านั้น” และ
  3. “ถ้า” เราทำเงินจากมัน ไม่ว่าจะโดยตรงหรือโดยอ้อม ได้มากกว่าราคาซอฟต์แวร์ตัวนั้นเมื่อไหร่ เราจะต้องซื้อมันแบบถูกต้อง ไม่มีข้ออ้าง เพราะว่าคุณทำเงินได้มากกว่าราคามันแล้วนี่

ผมก็เลยลองไล่ซอฟต์แวร์ในเครื่องดู พบว่าผมมี Freeware/FS/OS ค่อนข้างหลายตัวที่เป็นชิ้นส่วนสำคัญในการทำงานของผม ส่วนโปรแกรมที่ผมใช้ทำงานจริงๆ ผมก็เสียเงินซื้อเสียเป็นส่วนมาก (เช่น iWork ที่ Pages มันช่วยชีวิตผมในการทำ poster งานวิจัยมาหลายครั้งแล้ว และ Keynote ที่ถ้าไม่มีมัน ชีวิตผมในฐานะวิทยากรรับเชิญตามที่ต่างๆ และอาจารย์ประจำ คงจะกร่อยไปอีกเยอะ แล้วก็มี TextMate อีกตัว และอื่นๆ อีกหลายตัวด้วย) ….​ส่วนที่ยังใช้แบบเถื่อนอยู่ก็มีบ้างแหละครับ แต่ว่านั่นเป็นเพราะผมต้องใช้มันบ้าง (อย่างมากก็เดือนละครั้ง) .. แต่ไม่เคยทำเงินจากมันได้ไม่ว่าจะตรงหรืออ้อม และหาตัวแทนมันไม่ได้จริงๆ (พยายามหาแล้ว หาอีก หาแล้ว หาอีก) .. ก็ถือว่ายังตรงกับธรรมเนียมตัวเองล่ะนะ

ปล. ผมเห็นน้องๆ หลายคนนะ หัดเขียนโปรแกรมจะต้องใช้ Visual Studio Enterprise Architect edition ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้ว Express (ซึ่งฟรี) มันก็มี หรือว่าหลายคนหัดทำ 3D ก็ไปใช้ Maya “Unlimited” ทั้งที่จริงๆ แล้ว Personal Learning Edition มันก็มี ..​ ฯลฯ

ว่าแต่คุณล่ะ มีหลักการ/ธรรมเนียมปฏิบัติยังไงในการใช้ซอฟต์แวร์?

[update 1]: ขอขยายความข้อ 2 นิดหน่อย คือบางคนชอบเอาข้ออ้างที่ว่า “ต้องการศึกษาเพื่อนำไปใช้งาน” โดยมากมักจะเกิดขึ้นกับซอฟต์แวร์ที่เป็นระดับ professional เช่นฐานข้อมูล Oracle ชุดพัฒนาซอฟต์แวร์ VS.NET Enterprise Architect โปรแกรมแต่งภาพ Photoshop CS3 โปรแกรม 3D Modeling/Animation เช่น Maya Unlimited บางทีก็เข้าใจและเห็นด้วยนะ ที่ว่าบางทีเราก็ต้องการเรียนรู้โปรแกรมพวกนี้เพื่อนำไปทำงานจริงในอนาคต ซึ่งโปรแกรมพวกนี้จริงๆ แล้วหลายตัวก็จะมี scaled-down version ให้ใช้ฟรีหรือราคาถูก และไม่ยอมให้นำไปใช้เพื่อทำการค้าได้ ให้ใช้อยู่แล้ว ถ้าจำเป็นต้องใช้โปรแกรมพวกนี้จริงก็ค่อยซื้อ version ที่เหมาะสมเอาทีหลัง หรือว่าถ้ามันไม่มี version อย่างที่ว่าจริงๆ (แต่ว่าบางทีก็มี trial-ware version) ก็ใช้เถื่อนใช้ crack ไปก่อน จนกระทั่งเราทำเงินกับมันได้ ซึ่งเร็วหน่อยก็ดี และซื้อใช้ซะ

Apple ตบเกียร์เข้าโค้งสุดท้าย Leopard

Apple เร่งเครื่องทำ Leopard (OS X รุ่น 10.5) เพื่อให้ออกทันตุลาคมนี้ และให้มีความสมบูรณ์ที่สุดเท่าที่จะทำได้ (แน่นอน มันไม่สมบูรณ์หรอก ไม่มี software ตัวไหนหรอกที่สมบูรณ์ไม่มีปัญหาหรือว่ามี feature ครบถ้วน)

ช่วงนี้เราจะเห็น build ต่างๆ ของ Leopard เริ่มออกมาถี่ยิบ ซึ่งเป็นพฤติกรรมปกติของ Apple ช่วงโค้งสุดท้ายก่อนจะออก OS รุ่น gold master อยู่แล้ว หลังจาก 9A499 ออกไม่นานก็มี 9A500n ซึ่งถึงแม้ว่ามันจะดูเหมือน minor revision มากๆ (เลข build เพิ่มนิดเดียว) แต่ว่าจาก blog ชาวบ้านและ web ข่าวหลายที่ บอกว่าขนาดตั้ง 500 กว่า MB แน่ะ เยอะเอาเรื่องนะเนี่ย และเท่าที่อ่านมา ก็รู้สึกว่าจะ stable มากขึ้นเยอะ (หลายคนด่า 499 ว่า buggy มาก และไม่ stable มาก) … หลังจากนั้นอีกไม่นานก็มี 9A527 อีก ซึ่งตัวนี้เห็นบอกว่ามี interface tweak หลายจุด (โดยเฉพาะ menu bar ที่ transparent น้อยลงเยอะ ดูดีขึ้นเยอะ แล้วก็เรื่อง color tone ที่ deep กว่าเดิมและดู unified มากขึ้น) ซึ่งอันนี้หา screenshots ดูได้ทั่วไป

แล้วมีอะไรอีก? อืมมม ตอนนี้ท่าทางจะเริ่มเข้าช่วง optimization ล่ะ เพราะว่าเห็นรายงานเหมือนกันว่าขนาดของซอฟต์แวร์หลายตัวเล็กลงกว่า build ก่อนๆ เยอะ (ถึงส่วนมากมันจะยังใหญ่กว่ารุ่นที่อยู่ใน Tiger ก็เถอะ ก็อย่างว่า feature มันคงจะเยอะขึ้น optimize ยังไงก็ยังใหญ่กว่าอยู่ดีมั้ง แต่ว่าไม่แน่ iWork 08 ยังเล็กกว่า iWork 06 ตั้งเยอะ)

ยังไม่รวมถึงเรื่องที่ผมไม่ค่อยสนใจ พวก welcome video ใหม่ หรือว่า default background ที่เป็นอวกาศนะ (ยังไม่รู้เลยว่าตัว final จะเป็นตัวนี้หรือเปล่า) เพราะว่าพวกนี้มันไม่ได้มีผลกับ user experience โดยรวมอยู่แล้ว

เท่าที่ดูจาก refinements ล่าสุด ผมค่อนข้างจะ possible นะกับสถานะของ Leopard แต่ว่าตอนนี้ผมอยากจะรู้รายละเอียดของ Leopard Server แฮะ ตื่นเต้นกับเจ้าตัวนี้ที่ WWDC 06 มากกว่าตัว workstation ที่เราใช้ๆ กันเยอะ อยากเห็นอะไรตั้งหลายอย่าง ไม่รู้จะเป็นไงมั่ง

แต่ว่าก่อนจะถึงรุ่น Gold master จริงๆ ก็คงจะมีอีกประมาณ 2-3 builds เป็นอย่างน้อยละมั้ง โดยเฉพาะช่วงท้ายๆ จริงๆ ที่อาจจะมีหลาย build เลยแหละที่เป็น Release Candidate (RC) แล้วตัวใดตัวหนึ่งที่จะกลายเป็น Gold master ….

>> Macworld: News: Microsoft delays release of Office 2008 for Mac

Macworld: News: Microsoft delays release of Office 2008 for Mac:

เรื่องใหญ่แฮะ จะว่าไป MS-Office เป็น software ตัวหนึ่งที่ค่อนข้างสำคัญเอาเรื่องสำหรับแทบทุกวงการ (ยิ่งราชการหรือว่่าพวกที่ต้องทำงานเกี่ยวกับราชการนี่ ไม่มี Word นะ ถึงตาย) ….. ตอนนี้หลายๆ คนก็ยังคงใช้ MS-Office 2004 สำหรับ Mac อยู่ล่ะนะ แต่ว่ามันยังเป็น PPC binary ที่ต้องทำงานบน Rosetta (PPC emulator) อยู่ ถึงมันจะทำงานได้ประมาณว่า “OK” ก็เถอะ เพราะว่าส่วนหนึ่งเครื่อง Intel-Mac มันค่อนข้างจะเร็วกว่า PPC-Mac พอสมควร (หลายเท่าตัวอยู่) แล้วก็ Office มันไม่ใช่งาน/software ที่ต้องการกำลังการประมวลผลสูงมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว แต่ว่ายังไงก็เถอะ ถ้ามี Intel/Universal Binary ก็ดีกว่าเยอะ (ลองถามคนที่ใช้ Adobe CS หรือว่า software อื่นๆ หลายตัวดูสิ ว่า Universal Binary ออกมาแล้ว smooth ขึ้นแค่ไหน)

จะว่าไป ทุกวันนี้ถ้าผมจะใช้ Office นี่นะ boot Windows ใน Parallels แล้วก็ใช้ Office ยังมีความรู้สึกว่ามันทำงานได้เร็วกว่า smooth กว่าทำงานกับ Office 2004 ผ่าน Rosetta เลย ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่า ไว้วันหลัง (อีกล่ะ สัญญาอีกล่ะ) จะลองนั่งทำ benchmark การเปิดไฟล์ การคำนวณใน Excel การฯลฯ แข่งกันระหว่างสองตัวนี้เล่นดู

สำหรับผู้ใช้ Intel-Mac และต้องใช้ Office และนั่งร้องเพลงรอ Universal Binary อยู่ ก็คงต้องนั่งร้องเพลงรอกันต่อไป

ปล. อีกหนึ่งข่าวที่ผมคงจะตกไปนาน เราคงไม่ได้เห็น Roz Ho บนเวทีในงานประกาศข่าวของ Apple อีกแล้วล่ะ เพราะว่าเจ๊แกย้ายแผนกจาก Mac BU (หลังจากทำงานมา 7 ปี) ไปอยู่ Entertainment เสียแล้ว โดยที่ Craig Eisler มาเป็น GM ของ Mac BU แทน

ปล. 2 ในท้ายข่าวจากข้างบนมีการโม้ว่า

Office 2008 for Mac will share some technologies with its Windows counterpart, Office 2007, making for seamless compatibility between the different versions, according to Microsoft.

แหม Seamless compatibility นี่เป็นสิ่งสุดท้ายบนโลกที่ผมจะเชื่อจาก Microsoft