(ที่เขียนบทความนี้ยาวๆ เพราะว่าเขียนตอบในกระทู้ตามบอร์ดกล้องบ่อย และมีคนถามบ่อย ก็เลยคิดว่างั้นเขียนไว้หน่อยก็แล้วกัน)
ในการถ่ายรูป บางทีเราก็ไม่ได้ต้องการให้ชัดทั้งภาพ แต่ว่าต้องการให้มันชัดเฉพาะจุด/สิ่งที่ต้องการถ่าย เช่นการถ่ายภาพเน้นวัตถุ หรือการถ่ายภาพบุคคล ซึ่งทำให้เกิดความต้องการที่จะ “ควบคุม” ความชัดเจนของส่วนที่ไม่ได้ต้องการจะเน้น (หรือส่วนที่ไม่ได้เป็นจุดโฟกัส)
ในกรณีที่เป็นภาพถ่ายบุคคลหรือวัตถุ เรามักจะเรียกกันเป็นภาษาชาวบ้านๆ ว่า “ถ่ายให้หน้าชัดหลังเบลอ” ทีนี้จะถ่ายยังไงให้มันหน้าชัดหลังเบลอ หรือว่ามันมีปัจจัยอะไรบ้างที่ทำให้เกิดภาพที่หน้าชัดหลังเบลอได้บ้าง?
หลายคนบอกว่าลองไปอ่านๆ ดูจาก Depth of Field – Wikipedia … ซึ่ง อืมมมม ดูยุ่งยากแฮะ ยาวยืดเลย แถมมีโมเดลทางคณิตศาสตร์ หลักการทางฟิสิกส์ และการคำนวณอะไรไม่รู้วุ่นวายไปหมด เจอแล้วจอด… เลยขอเขียนจากประสบการณ์ให้ฟังง่ายๆ ก็แล้วกัน เอาเป็นว่าอย่างน้อยๆ ก็เป็น Guideline ในเชิงปฏิบัติในการเลือกกล้อง/เลนส์ และการตั้งค่าก็แล้วกันนะครับ
1. ขนาดของรูรับแสง:
อันนี้เป็นที่รู้กันในวงกว้างครับ ว่าขนาดของรูรับแสงส่งผลกับระยะชัดของภาพ ถ้ายิ่งรูรับแสงกว้าง จะยิ่งชัดตื้น ดูตัวอย่างจากภาพ (click เพื่อดูภาพเต็ม)
![]() |
จากภาพ รูปซ้ายใช้กล้องตัวเดียวกัน เลนส์ตัวเดียวกัน คือ Nikon D300 + AF Nikkor 85 F1.4 ตากล้องกับแบบไม่ได้ขยับ เปลี่ยนแปลงแค่ค่ารูรับแสง รูปซ้ายใช้ F5.6 รูปขวาใช้ F1.8 (อ่อ ค่าพวกนี้ยิ่งน้อย ยิ่งรูรับแสงกว้าง) ตั้ง Aperture-priority mode ดังนั้นก็เลยมีการปรับความเร็วชัตเตอร์อัตโนมัติตามรูรับแสง ให้ความสว่างของรูปเท่าๆ กัน
ถ้าทางยาวโฟกัสเท่ากัน รูรับแสงกว้างกว่าจะให้ภาพส่วนที่ไม่อยู่ในโฟกัสมีความเบลอมากกว่า แต่ว่าทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าเป็นปัจจัยเดียวที่ทำให้มันเบลอสวยๆ นะครับ ลองดูภาพถัดไป
![]() |
ภาพนี้ถ่ายที่ F2.8 ครับ ซึ่งถ้าขนาดของรูรับแสงมันมีผลอย่างเดียวเนี่ย มันควรจะเบลอในส่วนฉากหลังมากกว่านี้ใช่หรือไม่ (อย่างน้อยก็น่าจะเบลอกว่า F5.6 ด้านบน) คำตอบก็คือมันมีอีกหลายองค์ประกอบด้วยกันครับ ลองดูใน metadata ของรูปเล่นๆ ก่อนก็ได้ครับ … ว่ามันมีค่าอะไรเปลี่ยนไปอย่างที่เห็นได้ชัดจากรูปบนๆ
ครับ …ผมถ่ายรูปนี้ที่ 20mm ใช้ AF Nikkor 20mm F2.8 ครับ
2. ระยะโฟกัส:
จริงๆ แล้วเป็นเรื่องใหญ่กว่ารูรับแสงอีกนะ ในความคิดผม (รูรับแสงมันส่งผลโดยตรงกับความเร็วชัตเตอร์ ทำให้ถ่ายสิ่งที่เคลื่อนไหวให้นิ่งได้ดีกว่า และเนื่องจากมันเป็นส่วนที่รับแสงอะนะ ยิ่งกว้างก็ยิ่งไว ถ่ายในที่แสงน้อยๆ ได้ดีกว่า … ผลถือว่าการถ่ายหน้าชัดหลังเบลอนี่เป็นผลพลอยได้มากกว่า)
ไม่ต้องพูดอะไรมากครับ ดูภาพเลยก็แล้วกัน
![]() |
สามภาพนี้ ถ่ายใช้ Nikon D300 กับ AF-S Nikkor 70-200mm F2.8 VR เปิดรูรับแสง F2.8 ทั้งสามภาพ โดยที่ถ่ายที่ระยะโฟกัสต่างกัน คือ บนซ้าย 200mm, บนขวา 150mm และล่าง 105mm (ซึ่งจริงๆ รูปล่างไม่ใช่ตัวเปรียบเทียบที่ดีนัก เนื่องจากยืนไกลไปนิด ขนาดของแบบที่เห็นในรูปเลยไม่เท่ากับสองรูปบน)
แต่ก็เห็นว่าฉากหลังเบลอมากน้อยกว่ากันอย่างเห็นได้ชัด โดยที่ตัวแบบยังคงคมชัดอยู่
ให้อธิบายเรื่องนี้ง่ายๆ ก็คงจะต้องให้ทดลองแบบนี้ครับ
- ให้เพื่อนซักคน ยืนชูสองนิ้วหรือยกมือก็ได้ อยู่ไกลๆ พอประมาณ (เช่นหน้าห้องกับหลังห้อง) แล้วมองโฟกัสไปที่มือของเพื่อนคนนั้นด้วยตาเปล่า จะเห็นว่ามือเพื่อนกับฉากที่อยู่หลังเพื่อนมันชัดเท่าๆ กัน
- “ซูมด้วยเท้า” คือ เดินเข้าไปหาเพื่อนคนนั้นเรื่อยๆ โดยที่สายตายังคงโฟกัสกับมือเพื่อน จะเห็นว่ายิ่งใกล้ๆ ฉากหลังจะยิ่งเบลอมากขึ้น
เหตุผลง่ายๆ นะครับ ก็คือ การที่เราเดินเข้าไปหามือเพื่อนเรื่อยๆ เนี่ย ทำให้ระยะ “สัมพัทธ์” ระหว่างมือเพื่อน ฉากหลัง กับตาเรา เปลี่ยนไปหมดครับ มือเพื่อนห่างจากฉากหลังเท่าเดิมน่ะแหละ แต่ว่าถ้าวัด “สัมพัทธ์” กับตาเราแล้ว มือเพื่อนจะอยู่ห่างจากฉากหลังมากขึ้น และใกล้ตาเรามากขึ้น
ระยะโฟกัสของเลนส์ ก็เหมือนกับการเดินซูมเท้าน่ะแหละครับ มันมีหน้าที่ดึงวัตถุที่อยู่่ห่างๆ ให้เหมือนวางอยู่ใกล้ๆ กับกล้องมากขึ้น ดังนั้นก็เลยกลายเป็นว่ายิ่งทำให้เสมือนว่าอยู่ห่างกับฉากหลังมากขึ้น (ทั้งๆ ที่จริงๆ วัตถุกับฉากหลังอาจจะอยู่เกือบจะที่เดียวกันเลยก็ได้ ถ้ามองด้วยตาเปล่า)
3. ขนาดของ Sensor:
อันนี้ประหลาดหน่อย บางคนถึงขึ้นอาจจะสงสัยว่า “เกี่ยวไรด้วยเนี่ย”.. และไม่ค่อยจะเคยเห็นคนเขียนถึงเท่าไหร่
เคยสงสัยบ้างหรือเปล่าครับ ว่าทำไมพวกกล้องคอมแพคถึงถ่ายหน้าชัดหลังเบลอโคตรยาก ทั้งๆ ที่หลายคนดู spec ของเลนส์แล้ว ว่า “มันก็ 2.8 นะ ทำไมมันถ่ายไม่เบลอ?”
อย่างที่ผมบอกแหละครับ ให้คิดซะว่าขนาดของ aperture มันคือความไวของเลนส์มากกว่า มันช่วยการหยุดการเคลื่อนไหว หรือการโฟกัสในที่แสงน้อยมากกว่า ไม่ใช่ว่า F กว้างและมันจะเบลอเสมอไป
กล้องคอมแพคส่วนมากจะมีขนาด Sensor ที่เล็กมาก ….. (ซึ่งมีผลหลายอย่างครับ ไว้วันหลังจะเขียนให้อ่าน) ทำให้มีผลกับ “ระยะสัมพัทธ์” อีกแล้ว …
ลองเล่นที่นี่ดูครับ Digital Camera Sensor Sizes: How it Influences Your Photography ลงไปข้างล่างไปให้ถึง Depth of Field Requirements แล้วลองใส่ตัวเลขเล่นๆ ดู
![]() |
อันนี้แสดงว่าถ้าเราใช้กล้องที่มี crop factor 1.5 แล้วตั้งทางยาวโฟกัส 10mm และรูรับแสง F11 แล้วจะได้ผลลัพธ์เทียบเท่ากับการใช้กล้อง 35mm ที่ 15mm (อันนี้คิดว่าคงทราบ) “และ” รูรับแสง 16.5 อืมมม
อืมม งั้นลองมาเล่นกันเล่นๆ ดีกว่า ว่าอยากได้ผลลัพธ์เดียวกับการที่ใช้กล้อง DSLR ที่มี crop factor 1.5 (พวก Nikon ที่ไม่ Full-frame) ถ่ายที่ระยะ 105mm และใช้รูรับแสง F2 จะต้องตั้งค่าในพวกกล้องที่ใช้ 1/1.8″ Sensor ยังไง …
ซึ่งผลที่ได้ก็คือ 33mm และ F 0.6 ไม่ได้โจ๊กเล่นครับ ลองใส่ตัวเลขดูได้เลย
ลองเล่นๆ ดูพบว่า ถ้าตั้งขนาดรูรับแสง หรือ Aperture ที่ F2.8 บนกล้องคอมแพคแล้ว มันจะมีค่าเท่ากับ F13.5 บน 35mm/Full-frame และ F9 บนกล้อง crop factor 1.5 ครับ …. ยังไงๆ มันก็ชัดลึก
ยิ่ง Sensor ใหญ่เนี่ย ถ้าต้องการได้รูปภาพที่มีขนาด Subject เท่ากัน และมีความชัดตื้น/ลึกเท่ากันด้วย เราจะต้องเข้าใกล้มากขึ้น หรือใช้เลนส์ทางยาวโฟกัสมากขึ้น ในขณะเดียวกันก็ต้องใช้รูรับแสงที่ “แคบลง” เรื่อยๆ เพื่อรักษาระยะชัดตื้นชัดลึก (ถ้างงว่าเพราะอะไร ก็ลองคิดถึงตัวอย่างการซูมเท้านะครับ ….)
คิดๆ ก็ไม่แปลกล่ะครับ เนื่องจาก Sensor ของกล้องพวกคอมแพคมันเล็กจัด .. ดังนั้นจากมุมมองของ Sensor 1/1.8″ เหล่านั้นแล้ว ระยะ 7-10mm ถือว่า Normal ครับ (เทียบเท่ากับ 35-50mm บน Full-frame) อะไรไกลกว่านั้นถือว่าไกลหมด … ดังนั้นผลที่ได้ก็เลยเหมือนกับว่าให้เพื่อนไปยืนไกลๆ (จากตัวอย่างของทางยาวโฟกัส ที่พูดถึงไปแล้ว)
เลยเป็นเหตุผลที่ทำให้ถ่ายหน้าชัดหลังเบลอในกล้องคอมแพคยากมากๆ … ถ้าจะพอทำได้ก็ต้องใช้พวก super super zoom แล้วก็ซูมให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ (หมายถึง optical zoom นะครับ อย่าไปยุ่งกับ digital zoom เพราะว่ามันคือ crop ธรรมดาๆ) จากนั้นก็ยืนให้ชิดกับแบบที่สุดเท่าที่จะมากได้ … ก็อาจจะพอทำได้บ้าง
หน้าชัดหลังเบลอในกล้องคอมแพค สามารถทำได้อีกวิธีนึงคือการตั้งโหมด macro ครับ
ในกล้องบางรุ่นสามารถละลายฉากหลังได้มากพอสมควร ยิ่งพวกกล้องที่โพกัสได้ใกล้มาก ๆ เช่นของ Ricoh ที่ส่วนใหญ่จะโพกัสได้ที่ 1 cm ครับ
@ikok
นั่นคือ การเอาไว้ใกล้ๆ มากๆ ไงครับ อย่างที่ผมเขียนไว้ตอนท้ายๆ ว่าจากมุมมองของ sensor กล้องคอมแพคแล้ว 7-10mm คือระยะ normal ถ้าไกลกว่านั้นมันก็เหมือนกับถ่ายชัดลึกตลอดเวลา … ถ้าอยากจะให้มันอยู่ใกล้ๆ ก็ต้องเอาเลนส์ทิ่มวัตถุ
อีกอย่าง พอดีผมพูดถึงการถ่ายคนเป็นหลักด้วยล่ะครับ ตั้ง macro mode ยาก
แต่ขอบคุณที่ช่วยเติมให้สมบูรณ์นะครับ
ถนัดแต่ “หน้าเบลอหลังชัด” ประมาณว่าอยากได้คนที่อยู่ข้างหลัง มากกว่าข้างหน้า ^^;
@rawitat
ไม่จำเป็นต้องใกล้มาก ๆ ก็ได้ครับ =)
ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด การเปิด macro โหมดเค้าจะไปทำให้กล้องเปิดรูรับแสงให้กว้างขึ้นในกล้องคอมแพคนะ ทีนี้ที่มันไม่ได้เอาไว้สำหรับการใช้งานทั่วไปเพราะว่ามันจะโพกัสช้าลงมาก ๆ
ลองเล่นดูก็ได้ครับ ไม่จำเป็นต้องใกล้ ซูมให้สุด แบบที่คุณว่า แล้วเปิด macro ไปด้วย
จะเห็นว่าฉากหลังก็ละลายได้มากกว่าเดิมนิดนึงครับ ;D
แน่นอนว่า DOF มันจะขึ้นกับ 3 ปัจจัยหลักที่อาจารย์อธิบายเอาไว้
แต่ FX ช่วยท่านได้แน่นอนครับ เอิ๊กๆๆๆ
ป.ล. ถามนิดนึงครับ อาจารย์ ถ้าสั่งหนังสือผ่านทาง Amazon ให้เค้าส่งมาที่ไทย นี่ค่าส่งแพงมั้ยครับ แล้วเร็วรึเปล่า