กระแสของกาลเวลาไหลเร็วแค่ไหนนะ?
“1 วินาที ต่อ 1 วินาที” อาจจะเป็นคำตอบหนึ่ง
แต่ว่านั่นแหละ “1 วินาที” ที่ว่าเนี่ย มันยาวแค่ไหนกันนะ? และทุกวินาทีมันยาวเท่ากันหรือเปล่า? ผมคงจะไม่พูดถึงกาลเวลาจากทฤษฎีสัมพันธภาพหรอกนะ อันนั้นอาจจะไม่ค่อยเข้าประเด็นเท่าไหร่ แต่ว่ากาลเวลามันมีอะไรแปลกๆ หลายๆ อย่าง นาฬิกา มันจับเวลาได้ยาว 1 วินาทีเท่ากันจริง แต่ว่าความรู้สึกคนล่ะ กับแต่ละ 1 วินาทีที่มันผ่านไปเนี่ย มันเป็นยังไงกันนะ
เคยไหมล่ะ เวลาที่ทำอะไรที่ชอบๆ เนี่ย เวลามันผ่านไปเร็วยังกะติดจรวด แต่ว่าเวลาที่ต้องเจออะไรที่ไม่ชอบเนี่ย กว่าเข็มวินาทีมันจะกระดิกแต่ละที รอกันเมื่อย บางทีจะเป็นเพราะว่าถ้าเราอยู่กับสิ่งที่เราชอบ เราจะไม่รับรู้การมีอยู่ของกาลเวลา (พูดง่ายๆ ว่า “ลืมมันอย่างแท้จริง”) หรือเปล่านะ แล้วในทางกลับกัน เวลาที่เราอยู่กับสิ่งที่เราไม่ชอบ เราเลยจับจ้องกาลเวลาแทน ก็เลยทำให้จิตเราอยู่กับมันหรือเปล่านะ เลยเห็นเหมือนกับว่ามันเปลี่ยนช้าเหลือเกิน
ใช่สินะ บางทีเรา focus กับอะไรมากไปหรือเปล่า เลยเห็นว่ามันเปลี่ยนแปลงช้าหรือว่าแทบไม่เปลี่ยนเลย? ทำเอาหูไปนาเอาตาไปไร่บ้าง อะไรๆ ที่เราอยากจะให้มันเป็น มันจะเป็นเร็วขึ้นหรือเปล่านะ? เด็กบางคนเจอหน้ากันอยู่ทุกวัน เออ มันก็เหมือนๆ เดิม แต่ว่าพอไม่ได้เจอกันไม่นานกลับมาเจอกันอีกที เออ โตขึ้นเยอะนี่ หรือว่าอะไรทำนองนี้มั้ง
ทำไมกันนะ
เวลาที่ผ่านไปในอดีต กับ เวลาที่รอเราอยู่ข้างหน้า มันผ่านเร็วเท่ากันหรือเปล่านะ ก็แปลกดี เวลาที่เรามองไปข้างหน้าในอนาคต ที่เราคิดว่าอีกหลายปีเราจะตาย หรือว่ายังคงมีอีกหลายปีให้เราใช้ชีวิตกับใครบางคน กับอะไรบางอย่าง ….. 20-30 ปีที่เหลืออยู่ (ถ้าผมตายที่อายุ ~60 ปี) มันจะนานขนาดไหนนะ
และแล้ว … ภาพความทรงจำทั้งหมดในชีวิตก็แล่นผ่านตา …. ชีวิตเราผ่านมาเกือบ 30 ปีแล้วหรือ พอเรามองย้อนกลับไป มันกลับดูเหมือนกับพริบตาเดียวเท่านั้นเองไม่ใช่หรือไง ทั้งความสุข ความเศร้า ความเหงา ความทุกข์ ดีใจ เสียใจ ที่ผ่านไปทั้งหมด มันกลับดูเหมือนกับถูก compressed ไว้ให้วิ่งผ่านความทรงจำได้ในเวลาไม่กี่เสี้ยววินาทีเอง
ถ้างั้น … เวลาที่เราคิดว่า ยังมีเหลืออยู่มาก มากมายอีกหลายปี ที่เราคิดไปเองเนี่ย วันหนึ่งเมื่อเราอายุ 50, 60 มันก็คงจะวิ่งผ่านตาเราแบบนี้สินะ มันดูไม่นานอย่างที่คิดเลย
บางทีก็คิดนะ ว่าเรากำลังเสียเวลาที่มีค่า ไปกับอะไรบางอย่างในอดีตที่มันหวนคืนมาไม่ได้หรือเปล่า คิดสิ รู้สึกสิ ว่าเวลาที่เหลืออยู่มันน้อยแค่ไหน …. เราก็อย่าให้ตัวเราเองในอนาคต ไม่ว่าจะไกลหรือใกล้ข้างหน้า ต้องมาพูดแบบนี้เลย
“อดีต” ของ “วันพรุ่งนี้” ยังคงแก้ไขได้เสมอ ก็แค่เปลี่ยนวันนี้เอง มันไม่ยากหรอกนะ
หัวข้อนี้ก็ชอบอีกอัน เวลามักเล่นตลก บางครั้งก็เร็ว บางครั้งก็ช้า…
แต่เพราะผมเอาเวลาเรียนไปนั่งทำการบ้านแทนเนี่ยะแล้วใครหลายๆ คนได้ไปกิน zen ฟรีนี่ดิ เซ็ง
ว่าแต่จะมีซักกี่คนที่จัดสมดุลแห่งเวลาของตัวเองได้ ถ้าทำงานมากไป ไม่ได้นอน ร่างกายทรุดโทรม ก็ถือว่าใช้เวลาไม่คุ้มค่า
นอนมากไป ไม่ได้ทำงาน ชีวิตก็ไม่เจริญซักที ก็ถือว่าใช้เวลาไม่คุ้มค่า น่าเสียดายจริงๆ
บางทีเราอาจจะใช้เวลากับสิ่งที่ชอบมากเกินไปก็คงไม่ดี คงต้องรู้จักคำว่าพอดีแล้วสินะ
เผื่อบางทีอาจจะทำให้อะไรหลายๆอย่างในสังคมดีขึ้นไม่มากก็น้อย
…อยากกิน zen ครับ -*-
เอาน่า วันพระไม่ได้มีหนเดียวซักหน่อย ไว้คราวหน้าจะเลี้ยงนะน้องๆ (เอาล่ะสิตู ดันหลวมตัวบอกแบบนี้ สงสัยจะโดนทับแบน)
อาจารย์เขียนถึงเวลา หนูเลยนึกขึ้นได้อีกเรื่อง
relation ระหว่างเวลาและโอกาส
เมื่อเรามีโอกาสในสิ่งใดๆก็ตามที่เป็นสิ่งที่ดีแล้ว ก็ต้องรีบฉวยโอกาสนั้นไว้ ดีกว่าที่จะปล่อยให้เวลาผ่านไป แล้วมานึกเสียดาย เสียใจทีหลังว่า เฮ้ย ทำไมวันนั้นฉันไม่ทำแบบนั้นวะ ทำไมวันนั้นฉันไม่ทำแบบนี้วะ มันช่วยอะไรไม่ได้แล้ว ก็ในเมื่อมันมีโอกาสแล้วก็ปล่อยมันไปเอง..
(หนูก็เริ่ม งงๆ ตัวเองแล้วล่ะ^^)
“อดีต” ของ “วันพรุ่งนี้” ยังคงแก้ไขได้เสมอ ก็แค่เปลี่ยนวันนี้เอง มันไม่ยากหรอกนะ”
ชอบคำพูดนี้ที่สุดเลย อ่านแล้วทำให้นู๋ย้อนคิดถึงตัวเอง
อย่างน้อยถ้าวันนี้นู๋ขยันเขียนโปรแกรม อดีตของวันพรุ่งนี้ ก้อน่าภาคภูมิใจที่ได้ทำ
ดีกว่าอดีตที่ว่าเราไม่ได้ทำอารายเลย ผลมานจาต่างกันสิ้นเชิง
>>> ขอบคุณสำหรับข้อคิดดีๆๆค่ะ ^^
Just insert keyframes and you’ll get their in-betweens.
Their “in-betweens” is calculated mostly interpolation, sometime approximation, algorithms. So, how you get them and how accurate they are will be depending on
1) how you make the model (mostly mathematical) out of the position in the keyframes
2) how you interpolate your models
different models/algorithms can cause very different results.
So, it’s still depending on your perception and how you make the in-betweens.
Between yesterday and tomorrow, there is more, there is more than a day. (From song “Between yesterday and tomorrow”)