ด้วยความที่เป็นคนชอบอ่านหนังสือมาก แล้วก็ซื้อหนังสือเก็บไว้เยอะเหมือนกัน (เดือนๆ หมดหลายตังค์) ก็เลยเป็นขาประจำของร้านหนังสือหลายๆ ที่ ไม่ว่าจะเป็น B2S (มักจะไปที่ Central ปิ่นเกล้ามากกว่าที่อื่น Central World ไปบ้าง), Asia Books (หลายสาขา โดยมากไปซื้อ magazines), ศูนย์หนังสือจุฬาฯ ก็ไปเหมือนกัน แต่ว่าพักหลังๆ ไม่ค่อยได้ไปแล้ว
แต่ไม่ว่าที่ไหนๆ ก็ไม่ค่อยจะมีหนังสือแบบที่ผมชอบอ่านมากที่สุดเท่าไหร่นัก ….
- หนังสือแนววิชาการหนักๆ สำหรับหลายสาขานี่อาจจะหาอ่านไม่ยากเท่าไหร่ที่ศูนย์หนังสือจุฬา แต่ว่าหนังสือวิชาการเกี่ยวกับ Computer/Computing Science นี่ไม่ค่อยจะมีเท่าไหร่หรอกนะ มันมีแต่หนังสือ Professional books ซะเป็นส่วนมาก (ก็เข้าใจว่านี่อาจจะเป็นความต้องการของตลาดบ้านเรา)
- หนังสือ Popular science นี่หายากมาก ไม่ค่อยจะมีเลยแฮะ นานๆ จะเจอบ้างที่ Asia Books (Siam Discovery) หรือว่า B2S Central World และนี่คือสิ่งที่ผมคิดถึงที่สุดเวลาไปร้านหนังสือหลายๆ ที่ใน Tokyo อาจจะเรียกได้ว่าเมื่อก่อนผมหมดเงินไปกับการซื้ิอหนังสือแนวนี้อาจจะพอๆ กับหนังสือวิชาการหนักๆ เลยก็ได้มั้ง
ตัวอย่างหนังสือ Popular science ที่ผมชอบมากเป็นพิเศษก็คงจะเป็น Emperor’s New Mind ของ Roger Penrose, Chaos ของ James Gleick, Linked ของ Albert-Laszlo Barabasi, Ubiquity ของ Mark Buchanan แล้วก็ยังมีอีกหลายต่อหลายเล่มที่ถ้าจะเอามา list ไว้ในนี้หมดคงจะไม่ค่อยเข้าท่าเท่าไหร่
ที่ผมชอบหนังสือพวกนี้ก็เพราะว่า มันให้ความรู้เราพอประมาณ อาจจะไม่ค่อยลึกเท่าไหร่นักในแต่ละเรื่อง แต่ว่าให้เราเห็นคู่ไปกับความเป็นจริง สิ่งที่อยู่รอบตัว เหตุการณ์ต่างๆ ที่เรารู้จักดีมากอยู่แล้ว สิ่งที่จับต้องได้ง่าย ฯลฯ หลายต่อหลายเล่มเป็นการเชื่อมโยงทฤษฎีต่างๆ นับสิบเข้าด้วยกันเป็นเรื่องเดียว (เช่น Emperor’s New Mind) หรือว่าให้แนวคิดใหม่ๆ แบบที่ไม่ค่อยจะได้เท่าไหร่นัก
และถ้าเราสนใจเรื่องใดเรื่องหนึ่งมากๆ ขึ้นเมื่อไหร่ ค่อยไปหาอ่านเอาตามหนังสือทฤษฎีที่หนักขึ้น complete ขึ้น และเป็นวิชาการมากขึ้น
น่าเสียดายเหลือเกินที่หนังสือแนวนี้หาอ่านยากมากในบ้านเรา … และแล้ววันนี้ความฝันของผมก็เป็นจริง
หลังจากไม่ได้ไปที่ Siam Paragon นานมาก (แต่ว่าไปทีไรก็ไปไม่กี่ที่ ส่วนมากไปนั่งกินข้าวร้านข้างล่าง ไปซื้อ/ดูหนังสือที่ Kinokuniya ไปเดินเล่นใน iStudio แล้วก็ไปยืนเกาะกระจกน้ำลายยืดอยู่แถวๆ Showroom Mesarati) วันนี้้เบื่อโลกมากเลยเข้าไปดู และนี่คือสิ่งที่ผมเห็น
ว้าว ตู้หนังสือขนาด(ค่อนข้าง)ใหญ่ทั้งตู้ ที่มีแต่หนังสือ Applied Math (สำนักพิมพ์ Dover ที่มีหนังสือ classic ราคาถูกค่อนข้างเยอะ เล่มไม่กี่ร้อย) หนังสือ Physics และแน่นอน หนังสือ Popular Science หลายสิบเล่ม!
ก็เลยตบกลับมาบ้านอีกเกือบ 10 เล่ม มีหลายเล่มที่น่าสนใจ เช่น I am a Strange Loop ของ Douglas Hofstadter (คนเขียน Godel, Escher, Bach หนังสือที่ผมชอบที่สุดตลอดกาล), The Age of Spiritual Machines ของ Rayn Kurzwell, Why Things Bite Back ของ Edward Tenner, The Equation that Couldn’t be Solved ของ Mario Livio, และสุดท้าย Meta Math! The Quest for Omega ของ (ทายซิใคร) Gregory Chaitin!!!! (บิดาของ Algorithmic Information Theory)
แล้วก็เดินเลยเข้าไปหน่อย เจอหนังสือวิชาการหนักๆ ของทาง Computer Science ด้วยแฮะ!! (ไม่ใช่หนังสือ Professional Books ที่ขายกันเกลื่อนหิ้งหนังสือที่เขียนว่า “Computer Science” ทั่วไป แม้แต่ศูนย์หนังสือจุฬา) เลยซื้อ Fundamentals of Natural Computing: Basic Concepts, Algorithms, and Application ติดมือกลับมาเล่มนึง จริงๆ อยากได้อีกหลายเล่มแต่ว่าสงสารบัญชีธนาคารของตัวเอง …. เล่มนี้ก็ดีนะ คิดว่าจะเอามาเป็นหนังสือ Introduction ของคนที่อยากจะเข้า lab วิจัยเลย เพราะว่านอกจากจะมีเรื่อง Evolutionary Computation แล้วยังมีพวก Swarm Intelligence, Fractals Geometry, Artificial Life, DNA Computing, Quantum Computing ด้วย
เฮ้อ … เมืองไทยเจริญขึ้นเยอะเลยแฮะ (ถ้าคิดจากวัตถุที่เรามีในประเทศนะ … หนังสือคือวัตถุประเภทหนึ่ง) แต่ว่าคนบ้านเราจะเจริญตามด้วยหรือเปล่าน้อ หรือว่าเจริญลงก็ไม่รู้แฮะ (ไม่รู้ว่าตอนนี้คนไทยอ่านหนังสือกันเฉลี่ยแล้วปีละเท่าไหร่แล้ว .. ตัวเลขสุดท้ายที่ได้ยินนี่น้อยจนน่าใจหาย … หนังสือใน lab เราก็ซื้อมาเต็มตู้ เด็กๆ ที่ทำงานด้วยก็ไม่ค่อยจะอ่าน ไม่เคยอ่าน ไม่ค่อยจะสัมผัส ถึงจะบังคับ ถึงจะพยายามแนะนำให้อ่าน ถึงจะฯลฯ แล้วก็เถอะนะ)
ไม่เป็นไรน่า …. ก็ยังมีเรื่องให้ใจชื้นน่ะแหละ
เมื่อวานซืนไปผมก็ไปที่ fortune ซื้อ prioritizing web usability มา จริง ๆ มีเงินพอจะซื้อ inside machine มาอีกเล่ม ใน amazon ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนังสือ computer architecture สมัยใหม่น่ะครับ แต่เดือนนี้โควต้าซื้อหนังสือหมดแล้ว T_T รอเดือนหน้าแหละครับ
หนังสือเชิงลึกในไทยที่แปลมามีน้อยครับ ส่วนใหญ่ชอบหนังสือแบบบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมากกว่าปรุงกินเอง (เหมือนกับชีวิตชาวแล็ปวิจัย ฮา ….. )
ชอบอ่านหนังสือด้วยคนค่ะ สังเกตว่าคนไทยไม่ค่อยชอบอ่านหนังสือนะ ยิ่งหนังสือ
วิชาการยิ่งไม่ค่อยมีคนอ่าน แต่เคยเจอมั๊ยคะ บางทีอ่านหนังสือแปลภาษาไทยแล้วงง
อ่านภาษาอังกฤษบางทีจะเข้าใจกว่าอีก ไม่ได้ดัดจริตบ้าฝรั่งนะ แต่ wording
บางตัวมันไม่สื่อน่ะ
อันนั้นเจอบ่อยครับ คือบางทีเราแปลโดยให้คงลักษณะของภาษาให้เป็นตาม original มากไป จนลืมเรื่องของการรักษา content ไว้แทน บางทีการจะแปลให้คง content ไว้ เราก็ต้องเปลี่ยน ต้องแปลงวิธีการสื่อใหม่ วิธีการเขียนใหม่เลย
เข้าใจและเห็นด้วยครับ จริงๆ