คนเรา บางทีเวลาที่ไม่รู้อะไรแต่ว่าทึกทักไปว่ารู้ แล้วเอาพูดๆ ต่อ เนี่ยมันแย่จริงๆ แฮะ
วันนี้ได้ยินมาจากคนที่ทำงานด้วย ว่ามีคนโทษผมด้วยว่ะ ว่าผมเป็นต้นเหตุของการไม่เสถียร (หรือเรียกเป็นภาษาง่ายๆ ว่า “เน่า”) ของอินเทอร์เน็ตในมหาวิทยาลัย
เพราะว่าผมไป “ดูดอินเทอร์เน็ต” ไว้ และก็ได้บอกด้วยว่า ผมเคยทำให้เค้าดู
จะ debunk กันตรงนี้ก็คงจะใช่ที่ แต่ว่าสิ่งที่ผมทำน่ะนะ ไม่มีอะไรมากหรอก อย่างมากก็ใช้ wget ไปเรียก website ที่จำเป็น มาเก็บไว้ในเครื่อง ซึ่งก็ไม่มีอะไรมากไปกว่า request ไปที่ HTTP server ธรรมดา เพียงแต่ผลไม่ได้แสดงที่ browser แต่ว่ามาเอาเก็บไว้เป็นไฟล์ในเครื่อง เท่านั้นเอง
เดี๋ยวนี้เครื่องมือเหล่านี้ก็มีเยอะแยะไป เช่น Yojimbo และจริงๆ แล้วมันก็ไม่ได้มีอะไรใหม่กว่าการทำงานใน Off-line mode ของพวก browser เท่าไหร่ ที่จะพึ่งพา cache หรือว่าข้อมูลที่ดูดมาแล้วในเครื่องตัวเอง
ซึ่งก็ไม่ได้หนักอะไรมากกว่าการเล่นเน็ตด้วย browser และไม่ได้หนักกว่าการใช้งานอินเทอร์เน็ตปกติเลยแม้แต่น้อย (ยกเว้นแต่ผมจะทะลึ่งไปดูดผลลัพธ์ทุกตัวที่ google มันค้นมาได้จาก query หนึ่งๆ แบบ recursive หรือว่าไปดูด youtube แบบ recursive ซึ่งก็คงจะไม่มีใครฉลาดไปทำแบบนั้น)
จริงๆ มันค่อนข้างจะเบากว่าด้วยซ้ำ ในกรณีที่ต้องใช้งาน documentation (API reference) เพราะว่ามันต้องเปิดหน้าเดิมซ้ำไปซ้ำมาบ่อยมากๆ (ใครมันจะไปนั่งจำ syntax ของทุก function ทุก method ใน API ทุกตัว?) และ ไม่ใช่ทุก API มันจะมี Off-line doc ไว้ให้ download ไปใช้เลย (จะเป็น tar-ball หรือว่า zip หรือว่า PDF ก็แล้วแต่)
อ่อ อีกอย่างนะ ถ้าผมเป็นคนดูแล proxy นะ ผมคงจะต้องทำแบบนั้น เพื่อที่จะ cache หน้าที่มีการ request บ่อยๆ ไว้ที่ proxy ของมหาวิทยาลัย เพื่อให้เน็ตมันเร็วขึ้น (เพราะว่าไม่ต้องไป request ต่อข้างนอก) ซึ่งถ้าผมเป็นคนดูแล และมีการ cache ที่ proxy ที่ฉลาดหน่อยล่ะก็ เน็ตมันจะเร็วขึ้น ไม่ใช่เน่ามากขึ้น ซึ่งอันนี้พวกน้องๆ ที่เรียน com-sci หรือว่า IT มันน่าจะเข้าใจไม่ยาก
มันตลกตรงที่ คนที่ไม่รู้ และ no idea เรื่องพวกนี้ กลับเชื่อด้วยแฮะ ไม่พอ ดันเอาไปพูดกันต่อด้วย และที่น่าตลกกว่านั้น ก็คือ บางคนก็ดันเป็นคนที่เรียน com-sci/IT น่ะแหละ พวกนี้ยิ่งแย่ เพราะคิดว่าตัวเองรู้ ตัวเองมี idea และตัวเองเข้าใจถูกต้อง และที่แย่ก็คือ พวกนี้จะมี creditability อะไรบางอย่างเวลาไปพูดกับคนอื่น (ที่ไม่ได้เรียนหรือว่าทำงานด้านนี้)
ผมพยายามนะ ที่จะแก้ความเชื่อสาธารณะที่มันผิดๆ เหล่านี้ทิ้งไปบ้าง แต่ว่ามันคงจะยากเกินความสามารถที่ผมจะไปแก้ล่ะครับ เพราะว่าไอ้ความเชื่อผิดๆ เนี่ย มันเชื่อตามกันง่ายเหลือเกิน เพราะว่ามันไม่ต้องใช้ความรู้พื้นฐานอะไรทั้งนั้น แค่พูดให้มันเข้าๆ แก๊บหน่อย คนก็เชื่อกันแล้ว โดยไม่ต้องมีหลักการอะไรอ้างอิงหรือว่ารองรับทั้งนั้น
ถามจริงเหอะนะ ไอ้คนพูดเนี่ย มันเคยไปดู traffic ในมหาวิทยาลัยหรือเปล่า เคยไปดู log พวกนี้บ้างมั้ย ว่ามันมี activity อะไรบ้าง
ผมก็เซ็งเหมือนกันนะ ที่เน็ตเวิร์กที่สถาบันวิจัยและพัฒนามันไม่ค่อยจะเวิร์ก มันติดๆ ดับๆ และผมก็เสียงานเสียการ ผมก็เคยคุยกับคนที่เค้าดูแลด้านนี้โดยตรง ทั้งผู้หลักผู้ใหญ่และระดับเจ้าหน้าที่มาเยอะ เรื่องประสิทธิภาพและเรื่อง traffic ของเน็ตเวิร์กในมหาวิทยาลัย ตลอดจนเรื่องข้อจำกัดในการเข้าถึง
และเวลาที่มีปัญหาอะไร และทางเจ้าหน้าที่บอกมาว่าปัญหามันอาจจะเกิดมาจากการใช้งานบางอย่างของทางผม (และทีมงาน) ก็พยายามแก้ปัญหาให้เร็วที่สุด เพราะว่าไม่อยากเป็นปัญหากับใครทั้งนั้น โดยเฉพาะกับทรัพยากรสาธารณะอย่างเช่นอินเทอร์เน็ต
สรุป: เหนื่อยแฮะ
หนักใจแทนเลย ของแบบนี้ “คนที่ไม่รู้ และ no idea เรื่องพวกนี้ กลับเชื่อด้วยแฮะ” สู้ต่อไปครับ
ผมเคยไปเจอข้อความอยู่ที่นึง เค้าเขียนถึงคน 4 ประเภทเอาไว้ว่า
1. คนที่รู้ว่าตัวเองรู้
2. คนที่รู้ว่าตัวเองไม่รู้
3. คนที่ไม่รู้ว่าตัวเองรู้
4. คนที่ไม่รู้ว่าตัวเองไม่รู้
ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วเนี่ย ผมว่าจำพวกข้อ 4 เนี่ย มักจะสร้างปัญหาแบบที่อาจารย์เจออยู่บ่อยๆ ก็ไม่รู้ทำไมเหมือนกันนะ เหอะๆ สู้ๆคับอาจารย์
เคยทำงานกับ “คนที่ไม่รู้ว่าตัวเองไม่รู้” เสียใจมาก คนประเภทนี้พูดคำว่าผมไม่รู้ไม่เป็นด้วย
@all: นั่นดิ
“คนที่ไม่รู้ว่าตัวเองไม่รู้” ถ้ายังฟังเป็นคิดเป็นก็น่าให้อภัยครับ
แต่ประเภท “แถ” ว่าตัวเองถูกให้ได้เนี่ย เฮ้อ
มีอยู่ช่วงเน็ตเวิร์คมหาวิทยาลัยเดี้ยงไป เพราะคณะวิทย์(ชั้น 2)เป็นฟาร์ม seed bittorrent
หลายเดือนกว่าศูนย์คอมจะรู้ตัว
พอรู้ตัก็ block ดะ mms:// ใช้ไม่ได้อีกเข้าไปดูข่าว mcot ไม่ได้
เคย mail ไปหาเจ้าหน้าที่ก็หลายเดือนกว่าจะแก้
ผมเข้าใจนะว่างานเน็ทเวิร์คมันมีแต่เสมอตัว ทำดีก็เฉย ๆ ช้าก็โดนด่า
สุดสัปดาห์ก่อน uninet มีปัญหารวด กว่าจะแก้ได้ก็จันทร์ตอนเย็นๆ สยองนะเนี่ย
@sugree จริงดิ …. เพิ่งจะรู้นะเนี่ย แย่แฮะ สยองเหมือนกัน ปัญหาอะไรบ้างล่ะ หลังไมค์ก็ได้
ผมก็เซงอยู่ครับ อยู่ที่มหาวิทยาลัยผมก็โดนเหมือนกัน
เวลาเน็ตในมหาวิทยาลัยล่ม เน่า แล้วเด็กโทรไปถามฝ่าย network เค้าจะบอกว่าผมทำให้เน็ตล่ม!!!
แบบนี้ฟ้องร้องทางกฏหมายดีกว่า :)
อ่านแล้วเหนื่อยแทนจริงๆครับอาจารย์ ปัญหาคือคนประเภทนี้เวลาเดินนั้นหน้าก้มมองพื้นไม่เป็นซะด้วย เลยไม่รู้ว่าคนอื่นเขารู้สึกยังไง แล้วก็ทำให้เกิดการเผยแพร่ความคิดและนิสัยในการทำงานอย่างนี้ไปทั่วว่าคนอย่างนี้เก่ง เก่งจริงๆๆๆ แต่อย่างว่าล่ะครับ อำนาจในมือ มันเป็นสิ่งหอมหวลชวนลิ้มเลียชิม ี่ประกอบการด้อยความรู้และปัญญาของคนรับข้อมูลมา และผู้ที่ควรจะดูแลในระดับสูงขึ้นไป ดูแล้วไม่น่ามีการบริหารจัดการและการกระตุ้นต่อมสำนึกในการวางนโยบาย วางแผนการทำงาน ในทุกระดับ จึงได้มีมีการทำงานแบบนี้อยู่ อีกอย่างเขาปิดหู ปิดตาหมดแหล่ะครับแบบนี้ เพราะฉะนั้นที่บ่นกันมาก็ืทำำใจว่า เหนื่อยใจ แล้วกันสู้ต่อไปครับ ไปทำงานที่ใช้ความคิดและปัญญาดีกว่ามานั่งบอกคนบัวเหนือน้ำเน่าแบบนี้