ที่เรียนรู้เรื่องการถ่ายภาพบุคคล

ทฤษฎีมันก็เท่านั้นแหละ วันหนึ่งก็เริ่มซ้ำไปซ้ำมา ที่สำคัญส่วนมากที่อ่านมา ก็เป็นหลักการกว้างๆ เท่านั้นมากกว่า ก็คงเหมือนกับทฤษฎีทางคณิตศาสตร์ คอมพิวเตอร์ หรือว่าฟิสิกส์น่ะแหละ ที่กว้างๆ และดูเหมือนจะไม่มีอะไรมากมายนัก จนกระทั่งเราเห็นผลการประยุกต์ใช้มัน .. แบบเต็มๆ ตา…. บางทีเมื่อกลับไปอ่านทฤษฎี ก็จะเริ่ม “อ่อ มันเป็นแบบนี้นี่เอง”

ก็เลยว่าจริงๆ เรียนรู้จากการดูภาพคงเหมือนกับการเห็น Emulation หรือว่าดูหนังเรื่อง The Matrix, Thirteenth Floor แล้วเรียนรู้เรื่อง Computation Theory (Universal Turing Machine) น่ะแหละมั้ง

ว่าแล้วก็แปะ Note-to-Self ไว้อีกอัน มีผลการประยุกต์ใช้หลักการต่างๆ ที่เรามักได้ยิน ได้รับฟังมากจากคนโน้นคนนี้ หรือว่าอ่านหนังสือเล่มโน้นเล่มนี้ มาพอสมควร

http://www.flickr.com/groups/sublimelight/pool/
http://www.flickr.com/groups/736548@N24/pool/

เห็นชัดดีครับ มีให้ดูเยอะแยะ

เดฟ

ไม่ได้เขียนเรื่องตัวเองครับ แต่ว่าเป็นเรื่อง “เด็พธ์ ออฟ ฟิลด์” (Depth of Field; DoF)

อ่าว แล้วไหงจั่วหัวงี้อ่ะ?

อ่านรีวิวกล้อง D3 (ที่นี่, D700 (ตอนที่ 1, ตอนที่ 2) ที่เขียนโดยคุณ RBJ (เทพตัวจริงคนหนึ่งของวงการถ่ายภาพ คิดว่าใช้กล้องมือถือถ่ายยังสวยกว่าผมใช้ D300 แน่ๆ) แล้วจะเห็นคำหนึ่งที่เค้าเขียนบ่อยมาก นั่นคือ

“เดฟฟฟฟฟฟฟฟฟ” (ตอนแรกๆ ก็ “เด๊ฟฟฟฟฟฟฟ” ไปๆ มาๆ ไม้ตรีหาย)

วงการนี้เค้าใช้กันแบบนี้อยู่หรือเปล่าเนี่ย หรือว่าเพิ่งจะใช้คำว่า “เดฟ” กับ DoF เนี่ย พอดีมีอัลบั้มหนึ่งที่ไปโพสท์ไว้ที่ mtp แล้วมีคนมา comment ใช้คำนี้เหมือนกัน

หลากหลาย Life@CTW — rawitat.multiply.com แล้วก็ รูปนี้ ครับ

ลองดู comment นะครับ

vahaha2003 wrote on Aug 15
ไล่เดฟได้สวยงับ

แหม ถ้าน้องเกดไล่เดฟนี่คงจะปวดใจ (ถ้าผมไล่เดฟเอง ก็คงจะเป็นเดฟอื่นล่ะนะ แหะๆ)

แบบนี้นี่เอง ผมถึงบ้า Depth of Field ฮาฮาฮาฮา

ละครช่องเจ็ด

ว่ากันว่า ละครสะท้อนชีวิต ….. หรือว่าชีวิตคือละคร

เหอๆ

พอดีเมื่อกี้เปิดไปเจอละครช่องเจ็ด เรื่อง “หมวยอินเตอร์” …​ ดูแล้วเดจาวู (Deja Vu) ชอบกล มากพอสมควรด้วย และ … หลายๆ เรื่องด้วย ดูแล้วก็ตลกดีเหมือนกัน โทรไปบอกน้องเกด น้องเกดบอกว่า ดูเหมือนกัน และคิดเหมือนกันเลย ว่ามันเดจาวู ฮาฮา

ตรงไหนหว่า … เรื่องใส่เสื้อดำมั้ง (ในละครวันนี้ตัวเอกใส่เสื้อดำ) กับเรื่องปากหมามั้ง ฮาฮา

ปกติไม่ค่อยได้ดูละครนะ หลังจากดูเรื่องรักแท้แซบหลายก็ไม่ได้ดูเลยซักเรื่อง สงสัยเรื่องนี้คงต้องดูแฮะ

ขอไร้สาระบ้างนะ

Nikon D90: หมดมุก?

เปล่าๆ ไม่ได้วิพากษ์วิจารณ์เชิงลบอะไรทั้งนั้น Spec ดูดีออก จาก price point และ market position ของมัน เพิ่งโทรไปถามร้านประจำเมื่อเช้าว่าจะมาเมื่อไหร่ เผื่อจะเข้าไปนั่งเล่น เท่าที่ดูก็เข้าท่าดี เป็น hybrid ของ D300 กับ D80

  • Sensor: CMOS, Image Processing: EXPEED, LCD: 3″ แบบเดียวกับ D300
  • Picture Control แบบเดียวกับ D300
  • Noise: ไม่น่าจะแย่กว่า D300 เห็นมีคนบอกว่าเท่าที่ดูดีกว่า ไม่รู้ว่าอุปทานหรือเปล่า
  • Active D-Lighting, 3D Tracking AF แบบเดียวกับ D300 (แต่ว่า AF 11 จุดเหมือน D80)
  • งั้นสรุปว่า Imaging Functionality/Performance น่าจะอยู่ในระดับเดียวกับ D300
  • แต่ว่า Camera Body/Usability/Performance น่าจะอยู่ในระดับเดียวกับ D80 (ดีกว่าหน่อย)
  • หนักกว่า D80 นิดนึง คงเพราะเจ้า Sensor cleaning
  • เลนส์: 18-105 F3.5-5.6 VR เฉยๆ แฮะ ทั้งที่ช่วงน่าสนใจ แต่ F ปลายอยากได้ดีกว่านี้
  • ฯลฯ ขี้เกียจเขียน (ยังไม่เขียนถึงเรื่องการถ่ายวีดีโอ ของแบบนี้ดูจาก​ Spec ไม่รู้)
  • นิดนึง ….. ราคาน่าสนใจมาก (ราคาต่างประเทศ — เข้าไทยต้องดูอีกที)

แล้วทำไมผมว่ามันหมดมุกหว่า?

ก็สโลแกนมันบนเว็บ Nikon USA อ่ะดิ

อ่ะ List ให้ดูนะครับ ในหน้าของ DSLR บนเว็บ Nikon USA เท่าที่ List ณ ปัจจุบัน (เข้าเมื่อกี้นี้เอง)

  1. D3: Extraordinary Speed… Uncompromised Versatility
  2. D700: Power that Empowers. Agility Meets FXability
  3. D300: Exceptional Agility… Inspired Performance
  4. D200: Faster. Smarter. Stronger.
  5. D90: Exceptional Agility… Inspired Performance
  6. D80: Expert Design… Use With Passion
  7. D60: Incredible Pictures, Incredible Possibilities, Incredibly Easy!
  8. D40x: Incredible Pictures… Even Easier!
  9. D40: Incredible Pictures… Incredibly Easy!

อืมมมมมม ท่าทางจะหมดมุกแฮะ ถ้างั้น D300 ยังจะเรียกว่า Exceptional Agility ได้มั้ยเนี่ย

ปล. แก้ชื่อบทความ เนื่องจากนึกออกว่าคำว่า “มุกตลก” นั้นสะกดด้วย “ก” ไม่ใช่ “ข” …. ขออภัย

Nikon Digital Rangefinder?

ตอนแรกอ่าน ข่าวลือ (link: nikonrumors.com) ว่า Nikon อาจจะออก High-end Compact รุ่นสูงกว่า P6000 และจะใช้ APS sensor จาก D60 แล้วฟังหูไว้หู ถึงจะตื่นเต้นกับมันก็เถอะ

คิดๆ อยู่ เมื่อไหร่พวกค่ายใหญ่ๆ พวกนี้จะเอา Sigma เป็นตัวอย่างบ้าง เพราะว่า Sigma DP1 ที่ใช้ sensor ใหญ่ นี่ค่อนข้างดีเลยในเรื่อง image quality (จากการไปนั่งเล่นใน BIG Camera วันหนึ่ง และการอ่านรีวิวจากแหล่งที่เชื่อถือได้เท่าที่หาได้) ถึงจะมีประเด็นถกเถียงกันเรื่องจำนวน pixel ที่แท้จริงของ sensor ตัวนั้นก็เถอะ

คุยไปคุยมากับเพื่อนสนิท (คุณวีร์; Vman) ถึงเรื่องนี้ สรุปว่าคงยากแฮะ

แต่ว่าก็เจอมาอีกน่ะแหละ ข่าวลือ (อีกล่ะ; link ที่เดิม) ว่ามีคนเห็นต้นแบบของ Nikon Digital Rangefinder ในโตเกียว

อืมมม อันนี้น่าสนแฮะ …. และชักเข้าเค้า ว่าไอ้เจ้าตัว High-end compact ตัวที่ว่า นี่มันจะหมายถึง Rangefinder ตัวนี้หรือเปล่า? (เพราะว่าจะว่าไป ด้วยรูปร่าง ลักษณะของมัน หลายคนอาจจะมองเห็น Rangefinder พลาดเป็น compact ก็ได้ ไม่แปลก จริงๆ ก็มีหลายคนน่ะแหละ)

น่าสนใจแฮะ เพราะว่าเอา DSLR ไปถ่าย street candid/street life เนี่ย ขนาดใช้เลนส์ตัวเล็กที่สุดเท่าที่มี (35mm F/2) แล้วนะ คนยังแตกตื่นเลย ความเป็นมิตรของมันค่อนข้างน้อยจริงๆ

แต่ว่าถ้าเอากล้อง compact หรือว่ากล้องติดมือถือมาถ่าย คนมองว่าเป็นเรื่องปกติกว่าเยอะ ……. แบบว่า คงถ่ายเล่นๆ สนุกๆ มากกว่า ดูเป็นมิตรมากกว่า และเป็นเรื่องธรรมดามากกว่า … ใครๆ เค้าก็มีกัน เดี๋ยวนี้น่ะ

D700 ก็ออกไปแล้ว D90 ก็คงจะเร็วๆ นี้ และท่าทางจะมีหมัดเด็ดเรื่องถ่ายวีดีโอได้ พวก Coolpix ก็อัพเดทกันไปแล้วทั้งไลน์ ….. จะมีอะไรซ่อนอยู่อีกหว่า

APS-size sensor Rangefinder หรือว่า APS-size sensor Compact (ที่​ “เงียบหน่อย”) ก็แล้วแต่ ถ้าจริงจะกรี๊ดให้ (อย่าให้เห็นราคาแล้วกรี๊ดสลบยิ่งกว่าเดิมก็แล้วกัน)

ถึง Advisee โปรเจคจบทุกท่าน

กรุณาซ้อม presentation อย่างน้อยที่สุด “3” ครั้งก่อนที่จะนำเสนอจริง มิอย่างนั้นผมคงจะไม่อนุญาตให้นำเสนอจริงได้ หรือว่าอาจจะต้องไปฆ่ากันเล่นในเวลานำเสนอจริง เพราะว่าผมจะถือว่าเป็นการซ้อมเช่นกัน (เช่น ถ้าคุณซ้อม 2 ครั้ง ผมจะนับวันนำเสนอจริงเป็นการซ้อมครั้งที่ 3)

นักศึกษาหลายคนบอกว่า “กลัวอาจารย์รวิทัตเวลาโมโห/โกรธ” แต่ว่ากลับชอบทำให้อาจารย์คนนั้นโมโห หรือไม่ก็ทำให้อาจารย์คนนั้นโกรธ … เพื่ออะไร? เพื่อที่จะสนองสมมติฐานตัวเองว่าอาจารย์ท่านนั้นดุ น่ากลัว? อย่างนั้นหรือ?

บอกให้มาซ้อม present ให้ฟัง บอกไปเถอะ ปาวๆๆ ไม่เคยสนใจกันหรอก ไม่รู้จะรอเวลาให้ทุกอย่างมันสายจนแก้ไม่ได้กันขนาดไหน รอจนกระทั่งอีกสองสามวันจะ present แล้ว ค่อยเอามาให้ดู ค่อยมาเอาซ้อม แบบนั้นน่ะเหรอ?

บอกให้หัดเขียนโปรแกรมบ้างนะ บอกไปเถอะ ปาวๆๆ ไม่เคยสนใจกันหรอก ไม่รู้จะรอให้มันถึงเวลาไฟลนก้น วันพรุ่งนี้จะต้องเริ่มทำโปรเจคจบ ถึงจะหัดเริ่มเขียน อย่างนั้นเหรอ?

จะทำโปรเจคจบกันยังไงคร้าบบบบบ เขียนโปรแกรมภาษาซีที่ไม่ต้องทำอะไร (โปรแกรมว่างๆ) ยังมีคนเริ่มต้นเขียนไม่ถูกเลย (คนที่เข้าเรียนวิชา SE ครั้งที่แล้วคงจะทราบว่าใคร ขอให้ทราบตัวเองไว้ด้วยก็แล้วกัน)

เฮ้อ

ผมพยายามไม่โมโหพวกคุณแล้วนะครับ และแล้วผมก็พบทางสว่างในการที่จะไม่โมโหพวกคุณ นั่นก็คือ ผมต้อง “ไม่สนใจ” พวกคุณ ปล่อยเลยตามเลย ใครอยากทำอะไรก็ทำ

หวังว่าพวกคุณคงจะพอใจ

Real World Haskell และ รักแรกพบ

ไปเจอมา เอามา note ไว้สำหรับตัวเองและเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ทุกท่านที่สนใจ Haskell เป็นหนังสือที่ดีพอสมควรเลยทีเดียว ละเอียด ตัวอย่างเยอะ ค่อนข้างเป็นปัจจุบันมากๆ และมีประโยชน์กับ Real World จริงๆ (บ้างล่ะน่า) ไม่ใช่แบบหนังสือ Functional Programming ทั่วไปที่ยกว่า FP ดีอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ว่าไม่ค่อยจะมีตัวอย่าง Real World ที่มัน convincing เท่าไหร่เลย ยกแต่ประโยชน์ที่ … ขอโทษนะ ต้องบอกว่า “ถ้าไม่ได้เขียน FP เป็นอยู่แล้ว ก็คงจะไม่ซึ้งกับมันเท่าไหร่ ว่ามันเจ๋งแค่ไหน” มากกว่า

แปะลิงค์ก่อน

Real World Haskell (beta) by Bryan O’Sullivan, Don Stewart, and John Goerzen

Haskell เป็นภาษาโปรแกรมที่ผมชอบมากที่สุดภาษาหนึ่งเลยก็ว่าได้ นอกจากนี้ยังเป็นสิ่งแรกในโลกที่สอนให้ผมรู้จักและเข้าใจความรู้สึกของคำว่า “รักแรกพบ” ด้วย

เรื่องของเรื่องมันมีอยู่ว่า วันนั้นนั่งเขียนโปรแกรมอะไรซักอย่างอยู่ในห้องคอมพิวเตอร์ที่มหาวิทยาลัย Tsukuba (ไม่ได้เขียนอะไรใหญ่โตหรอก รู้สึกจะหัดเขียนพวก data structures เล่นอยู่) แล้วเพื่อนสนิทมากที่สุดคนหนึ่ง ชื่อ Nao Hirokawa (จริงๆ แล้วเป็นรุ่นพี่) ก็เดินเข้ามา แล้วก็ชวนคุยเล่นกันโน่นนี่ พอเห็นที่เราเขียนเล่นอยู่ ก็ถามว่า “เฮ้ ทำไมไม่ใช้ Haskell?” เราก็เลยถามว่า มันคืออะไรหว่า Hirokawa ก็เลยถามว่า รู้จัก Quick Sort มั้ย แหม ใครจะไม่รู้จัก เค้าก็เขียน Quick Sort เป็น Haskell ให้ดู พร้อมกับที่เราอ้าปากค้างตาโต (โดนแหก — จริงๆ แล้วรู้สึกว่า Quick Sort นี่เป็นตัวอย่างตลาดของ Haskell เลยนะ .. คงไม่มีใครไม่ยกตัวอย่างอันนี้มาแหกตาชาวบ้านเวลาโชว์ Haskell) แล้วก็เล่น List Comprehension ให้ดูอีกนิดๆ หน่อยๆ

นั่นแหละ รักแรกพบครั้งแรกในชีวิต

ที่มาของ Nikkor 35mm F/2 ในกระเป๋าผม

เลนส์ที่ชอบที่สุดตัวนึง (แต่ว่าไม่ค่อยได้ใช้ … ถ่าย moving life portrait ไม่เก่ง ….. พยายามอยู่) แต่ไม่ค่อยได้ยินคนพูดถึงกันเท่า 50mm F1.4/1.8, 85mm F1.4/1.8 เท่าไหร่

เขียน blog นี้ไม่ใช่ว่าจะรีวิวเลนส์ตัวนี้หรอกนะ แต่ว่าจะ note เหตุผลทางประวัติศาสตร์เอาไว้ ว่าเหตุผลที่อยากได้เลนส์ตัวนี้คืออะไร

เรื่องของเรื่อง คือบังเอิญวันนึงไปเจอเว็บนี้เข้า

The World Through My Eyes: Nikon 35mm F2 Natural Light Portraits

ก็เลยคิดว่า อืมมม จริงๆ ตัวเองก็น่าจะมี prime lens ระยะขนาดนี้ไว้เหมือนกัน เพราะว่า 50mm พอใช้กับ FOV 1.5 sensor แล้วมันจะครึ่งๆ กลางๆ ไม่ normal ไม่ tele เป็นเลนส์ติดหน้ากล้องใช้ถ่ายไปเรื่อยๆ ตอนเดินๆ เล่นๆ ลำบากพอตัว …. 35mm น่าจะกำลังสวยเลย

อีกอย่าง เห็นในเว็บนั้น อืมม ถ่าย portrait ในที่แคบๆ ระยะใกล้ๆ สวยพอตัวเลยนี่นา (เพราะว่าเหตุผลหลักของผมในการซื้อของเล่นพวกนี้ก็คือถ่ายคน)

ก็เลยไปสอยมาซะ เร็วๆ นี้ว่าจะหาเรื่องใช้เลนส์ตัวนี้มากขึ้นอีกซักหน่อย แต่ว่าก็มีเรื่องให้อารมณ์ไม่ค่อยดีก่อนที่จะได้ใช้ซะงั้น

เอามาโน๊ตไว้ใน blog เพื่อบันทึกความจำของตัวเอง และแชร์กันครับ

จิตตกชั่วคราว

มีเรื่องที่ทำให้จิตตกเมื่อวานนี้มากๆ เลย แต่ว่าตอนนี้ เวลานี้ เมื่อกี้นี้ หายแล้วล่ะ รู้สึกดีขึ้นเยอะ และทำให้เข้าใจอะไรหลายๆ อย่างมากขึ้นมากๆ เลย ว่าจริงๆ เวลาจิตตกเนี่ยทำยังไงให้ดีขึ้น

ไม่รู้ว่าจะทำแรงไปหรือเปล่า แต่ว่าดีขึ้นเยอะเลย …..ว่าแต่ เสาร์นี้ตอนเย็นชวนน้องเกดไปถ่ายรูปเล่นที่ไหนดีน้อ?

กราบคุณแม่, สุขสันต์วันเกิดคุณพ่อ

วันนี้อยากจะกลับไปกราบคุณแม่ เนื่องด้วยเป็นวันแม่ และอยากกลับไป Happy Birthday คุณพ่อ เพราะว่าพรุ่งนี้เป็นวันเกิดเค้า (13 สิงหาคม)

แต่ด้วยอะไรหลายๆ อย่าง …… ไม่รู้อะไรหนักหนา ก็เลยคงไม่ได้ทำอย่างที่ตั้งใจไว้ … ไม่อยากให้เป็นแบบนี้เลย ไม่อยากเลยเป็นที่สุด … แต่ในเมื่อมันเป็นแบบนี้ ก็คงไม่มีทางเลือก

หวังว่าวันนี้ของปีหน้า คงไม่เป็นแบบนี้แล้วนะ…

กราบคุณแม่ และสุขสันต์วันเกิดคุณพ่อไว้ตรงนี้ครับ หวังว่าวันหนึ่งท่านทั้งสองคงจะได้เห็นบนเว็บนี้