My Leica Story #1: The M8 (English version)

[Note] This is a long-overdue, paragraph-by-paragraph English translation of the Thai version that I posted on September 24th, 2013.


This series of articles is not “review” but rather the “story” of me with Leica, from M8 onward. Originally, it was intended to be 3-parts, M8, M9 and M240, then translate to English. However, since I became so busy with other things after that, the translation was put indefinitely on hold. Recently, since my acquisition of the M10, many readers asked me to write about it. So I thought it is a great time to get back to write about cameras and photography in general. I’d start with the long-overdue translation first. So, M10, you have to wait.

So, let’s begin with the camera that started it all: The M8


IMG_5045.jpg

My Leica M8 — taken from what used to be the best compact camera in the world

Again, this is not a review but rather the story. So if you expect professional review or technical test, you might be disappointed. You’d been warned ;-)

Continue reading

หนังสือ 30 เล่ม ที่จะอยู่กับผม (และเพิ่มอีก 10 เล่ม)

หลังจากกิจกรรม #IceBucketChallengeTH ผ่านไป ก็มีกิจกรรมลักษณะ Viral แบบเดียวกันมาเป็นดอกเห็ด หลายอันผมปล่อยผ่านไป ไม่สนใจ แต่มีอยู่อันหนึ่งที่คิดว่ามีประโยชน์มากๆ ก็คือ การบอกชื่อหนังสือที่จะอยู่กับตัวเองมา 10 เล่ม โดยไม่ต้องคิดอะไรมาก ไม่จำเป็นต้องเป็นหนังสือที่ดีที่สุด หรือหนังสือที่สุดยอดอะไรทั้งนั้น แค่ชอบอะไรบางอย่าง และเป็นเล่มแรกๆ ที่โผล่มาในหัว หรืออะไรก็ตาม …..

ทีนี้ … มีคน Tag ชื่อผมต่อมา 3-4 คน ผมก็เลยขอ “โกง” ด้วยการบอกมากกว่า 10 เล่ม (เพราะว่าเอาจริงๆ ให้เลือก 10 เล่มจากหลายพันเล่ม นี่ยากเอาเรื่อง) และหนังสือเหล่านี้ เป็นหนังสือที่ผมถือว่า 1) “เปลี่ยนผม” ในช่วงเวลาใดช่วงเวลาหนึ่งของชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความรู้ ความคิด ความเข้าใจโลก การมองเห็นโลก ฯลฯ หรือพูดอีกอย่างก็คือ “ทำให้ผมเป็นผมอยู่ทุกวันนี้” หรือ 2) มีความทรงจำพิเศษอะไรบางอย่างเกี่ยวกับมัน โดยความทรงจำที่ว่านี้อาจจะเป็นความทรงจำส่วนตัวมากๆ คนอื่นไม่อินไม่อะไรทั้งนั้น ก็ได้


L1000013.jpg

บางเล่มผมจะใส่ Link ใน Amazon ให้นะครับ บางเล่มไม่มีใน Amazon (ก็แน่นอนแหละ) และผมขี้เกียจหาจาก Store ไทย

Continue reading

Let it “Burn”

ไม่ค่อยได้เขียนเรื่อง Software Development สักเท่าไหร่ (ทั้งที่จริงๆ เป็นเรื่องที่เดินสายพูด เดินสายบรรยาย สอน และถนัดที่สุดแล้วในบรรดาเรื่องทั้งหมด) แต่เมื่อคืนน้องในทีมพัฒนา Sticgo (http://www.sticgo.com) Startup ที่ผมเป็น Mentor อยู่ในโครงการ True Incube (http://incube.truecorp.co.th) ดันเอา Chart อะไรบางอย่างขึ้นใน Facebook แล้วพี่ Roofimon (www.roofimon.com) เข้ามาบอกเลย “บาป” แล้วก็งงว่ามันคือ Chart อะไร ผมก็เลยสัญญากับพี่รูฟไปว่าจะเขียนเรื่อง Chart ตัวนี้ใน Blog ด้วยความเป็นลูกผู้ชาย ก็เลยต้องรักษาสัญญาซะหน่อย

เป็นที่รู้และเข้าใจกันดี ว่าการพัฒนาซอฟต์แวร์ตัวหนึ่งมันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ มันมีเครื่องไม้เครื่องมือมีกระบวนการมี Mindset อะไรหลายต่อหลายอย่างเอาไว้ให้เราใช้ในการช่วยพัฒนาซอฟต์แวร์

Mindset โบราณที่ลอก Metaphor มาจากการก่อสร้าง หรือที่เรียกว่ากระบวนการแบบ Waterfall ก็มีเครื่องมือหลากหลาย และตัวหนึ่งที่เราต้องเจอกันมาตลอดก็คือ “Gantt Chart” ซึ่งไอ้เจ้า Gantt Chart ตัวนี้เป็นเครื่องมือนำ “แผนการทำงาน” มาวางต่อเนื่องบน Timeline เพื่อดูว่าเราวางแผนการทำงานอย่างไร อะไรต้องทำก่อนทำหลังอะไร แล้วเวลาที่จะใช้คือประมาณเท่าไหร่ ฯลฯ

สิ่งที่ Gantt Chart ตอบได้อย่างชัดเจนก็คือ การให้เห็นแผนการทำงาน ระยะเวลาของงาน และปริมาณงานที่เสร็จไปแล้ว ซึ่งนี่คือสิ่งที่จำเป็นมากในการทำงานอะไรก็ตามในโลกความเป็นจริงที่เราต้องอยู่กับชาวบ้าน ทำงานกับคนอื่น (ลูกค้า เจ้านาย ฯลฯ) เพราะว่ามันจะมีความถามเราตลอดเวลากับคำถามต่อไปนี้ “แล้วจากนี้จะทำอะไร ต่อจากนั้นทำอะไร ใช้เวลาประมาณเท่าไหร่ เหลืองานอีกเยอะมั้ย เสร็จไปแล้วเท่าไหร่” ฯลฯ (ซึ่งพวกนี้จะเกี่ยวข้องกับค่าจ้างเราด้วยนะ)

แน่นอนว่า ในโลกบางใบ คนหลายคนต้องการที่จะเห็นรายละเอียดทั้งหมดเหล่านี้ Up-Front ซึ่งหมายความว่าเห็นรายละเอียดของแผนการดำเนินการ ระยะเวลา และงบประมาณทั้งหมดก่อนที่จะเริ่มดำเนินการ ซึ่งในขณะที่แนวคิดแบบนี้ใช้ได้กับงานบางประเภท มันกลับไม่เหมาะเอาซะเลยกับการพัฒนาซอฟต์แวร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาซอฟต์แวร์ที่ “เป็นของใหม่ ไม่มีใครทำมาก่อน” ซึ่งมันมี Unknown เยอะ (ถ้าเป็นโปรแกรมประเภท Data Entry ธรรมดาๆ นี่อีกเรื่อง อันนี้พอจะประมาณได้จากประสบการณ์ แต่ต้องมีประสบการณ์เยอะพอที่จะทำได้นะ — บอกตรงๆ ว่าโดยทั่วไป ต่อให้เป็นผมหรือเก่งกว่าผมก็มองเห็นทุกอย่าง Up-Front ขนาดนั้นไม่ได้หรอก)


1.jpg

Continue reading

A New Kind of Design (จากการสอน “Design for iOS7”)

** เนื้อหาของบทความนี้ ตัดทอนมาจากการสอน “Design for iOS7 Workshop” ที่ผมจัดเมื่อปลายเดือน ต.ค. 2556 ที่ Hubba **

เกริ่นก่อน…

เมื่อพูดถึง iOS7 สิ่งหนึ่งที่มักจะโผล่มาในการสนทนาและเป็นประเด็นเสมอ ก็คือเรื่องของ “การออกแบบ” ซึ่งหลายต่อหลายคนจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “iOS 7 ใช้ Flat Design” และได้ทิ้ง “Skeuomorphic Design” ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ในการออกแบบของ iOS มาตลอดไปแล้ว และเป็นประเด็นต่อเนื่องสะท้อนจากนักออกแบบหลายคนให้ได้ยินบ่อยๆ ว่า “แบบนี้ออกแบบให้สวยงามน่าดึงดูดยากจังเลย”

ก่อนที่จะไปต่อ ผมขอบอกเสียงดังๆ ตรงนี้ก่อนเลยครับ ว่า

“iOS7 ไม่ใช่แค่ Flat Design และไม่ได้ทิ้ง Skeuomorphic!
ตรงข้าม …. iOS7 นี่แหละ โคตร Skeuomorphic เลย!!
มันไม่ใช่ Flat vs Skeuomorphic ตั้งแต่ต้นแล้ว!!!”

ห๊ะ?!?!? iOS7 เนี่ยนะ Skeuomorphic?!?!?! บ้าหรือเปล่า?!?!?

ก่อนที่จะว่าผมบ้า ลองตามๆ ผมไปดูกันสักนิด ไปเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ กับ Application Redesign … ลงไปหาปรัชญาของการออกแบบ หรือแก่นของการความคิด แล้วค่อยเอาแก่นปรัชญานั้นๆ กลับมามองสิ่งที่เกิดขึ้นใหม่สักหน่อย ว่าจะเห็นอะไรกันบ้าง


1.jpg

Continue reading

ไม่ใช่รีวิว: Nikon Df

บทความนี้ “ไม่ใช่รีวิว!!!”

เป็นทางการซะที กับกล้อง Full-Frame DSLR ตัวใหม่ของ Nikon ซึ่งเพิ่งจะเปิดตัววันนี้ และทำให้หลายๆ คนน้ำลายหกด้วยความอยากได้ และอีกหลายคนส่ายหน้าด้วยความผิดหวัง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของราคา สเปค การออกแบบ ขนาด หรือแม้แต่ว่าเพราะมันเป็น DSLR ไม่ใช่ Mirrorless แบบ Sony A7R

ชื่อเป็นทางการก็คือ “Nikon Df” ซึ่งหมายถึง “Digital Fusion” ไม่ใช่ “DF” หรือ “Digital F” (การเอากล้องรุ่น Nikon F เช่น F3 มาทำใหม่เป็น Digital) อย่างที่หลายคนคิด และคอนเซปท์ของมันเท่าที่ผมเห็นและรู้สึก มันไม่ใช่ “กล้องรุ่นใหม่ แต่ดีไซน์เก่า” แต่ค่อนข้างจะเป็น “Modernization ของกล้องรุ่นคลาสสิค” มากกว่า สองอย่างนี้ใกล้เคียงกันนะ แต่ไม่เหมือนกันซะทีเดียว …. “กล้องใหม่ ดีไซน์เก่า” มันอารมณ์ Fujifilm X100/X100s แต่ “Modernization ของกล้องคลาสสิค” มันอารมณ์ Leica M240

สำหรับตัวนี้ มันคือการผสมผสานกันระหว่าง “FM2/F3 Designs, D4 Image, D600 Electronics” ครับ


Nikon-Df-blakc-and-silver.jpg

Nikon Df, Silver & Black

Continue reading

Reflection on “Nikon’s Pure Photography”

[อัพเดท: 11/03/2013] เพิ่มตอนที่ 6
[อัพเดท: 11/04/2013] แก้ไขข้อความ แก้ไขข่าวลือเล็กน้อย


ปกติผมไม่เขียนถึงกล้องหรือเลนส์ที่เป็นข่าวลือ หรือยังไม่ประกาศนะ (แน่นอน นี่ไม่ใช่เว็บข่าวลือ) แต่ตัวนี้ผมต้องเขียนถึง ไม่เขียนไม่ได้ล่ะ อึดอัด!

ผมเชื่อว่าลึกๆ แล้วในใจคนหลายคน ยังมีความโหยหาโลกสมัยก่อน ที่ทุกอย่างเรียบง่าย ละเอียด โลกที่เวลายังเดินช้า ไม่มีการแข่งขัน ไม่มีความรีบเร่ง เร่งร้อน เร่งด่วน โลกที่ยังทำให้เรารู้สึกอบอุ่นเหมือนอยู่บ้าน โลกที่ทำให้เรารู้สึกว่า “ชีวิตมันเป็นของเรา” มากกว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่มันตรงกันข้ามกันในทุกวันนี้ … ทำไมนะ ถึงที่ทำงานเราจะมีการออกแบบสไตล์โมเดิร์นที่เต็มไปด้วยกระจกและความเรียบหรู แต่ที่บ้านเรายังชอบเฟอร์นิเจอร์ที่แลดูวินเทจ .. ก็คงจะเป็นเหตุผลเดียวกัน

มันก็คงจะเป็นเหตุผลหนึ่ง ที่การออกแบบอุปกรณ์ที่มีประวัติยาวนานเช่นกล้องถ่ายรูป จะเริ่มย้อนยุคกลับไปใช้การออกแบบสมัยก่อน หรือที่เราเรียกว่า Retro Style กันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Fujifilm X100/X100s ที่หลายต่อหลายคนซื้อ แล้วก็รักมัน ด้วยความ “คลาสสิค” ของรูปร่างหน้าตา มากกว่าฟีเจอร์หรือความสามารถ จนกลายเป็นรูปแบบการออกแบบกล้องทุกตัวของ Fujifilm ไปซะแล้ว หรือว่าแบบ Leica M ที่ยังคงรูปร่างหน้าตาและการใช้งานตั้งแต่ยุคคลาสสิคไว้แทบไม่เปลี่ยนเลย ถึงแม้ภายในของ Leica M 240 จะเปลี่ยนไปทั้งหมด แต่ภายนอกนั้นก็ยังคงเรียบง่ายเหมือนเดิม [บทความ: My Leica Story Pt3: The M 240]

และแล้วก็มาถึงคิวของ Nikon บ้าง


“Classic Nikon F3 Film SLR”


Image Source: nikonrumors.com
http://nikonrumors.com/wp-content/uploads/2013/10/Nikon-F3-film-camera.jpg


Continue reading

The Three Monkeys

สุภาษิตโบราณว่าไว้เป็นปรัชญาชีวิต

“See no evil, Hear no evil, Speak no evil”

แปลตรงๆ ตัวว่า “ไม่เห็นสิ่งชั่วร้าย ไม่ได้ยินสิ่งชั่วร้าย ไม่พูดสิ่งชั่วร้าย”

ต่างวัฒนธรรมก็ตีความสัญลักษณ์นี้ต่างกัน โลกตะวันออกอย่างเราๆ ตีความเป็นคติเตือนใจให้กับชีวิตว่า “อย่าอยู่กับสิ่งชั่วร้าย” ไม่ว่าจะเป็นการพูด การได้ยิน หรือการมองเห็น ฟังดูแล้วเหมือนกับให้ “ปล่อยวาง” แต่อีกวัฒนธรรมหนึ่งอาจใช้สัญลักษณ์นี้ในเชิงตรงข้าม คือใช้แสดงถึงคนที่ปล่อยปละละเลยจากการมองเห็นความไม่ดีไม่งามไม่ถูกต้องที่เกิดขึ้นรอบๆ ตัว ฟังดูแล้วเหมือนกับให้ “ต้องเห็น/ต้องสนใจ”

แล้วใครถูกใครผิดเล่า กับสองมุมมองนี้? มันดูจะขัดกันมากมายใช่ไหม


DSC_5678.jpg

“三猿” (แปลว่า “ลิงสามตัว”) at the Tosho-gu shrine in Nikko, Japan

Continue reading

My Leica Story [3]: The M Typ 240 (M240) + Review

[อัพเดท: 10/17/2013] เพิ่มเรื่องไฟล์ RAW และภาพเปรียบเทียบ
[อัพเดท: 10/18/2013] เพิ่มเรื่อง JPEG Processing Capability


ความเดิม:

กล่องที่ยังไม่ได้แกะของ Leica M Typ 240 (ซึ่งต่อไปนี้ผมจะเรียกย่อๆ ว่า M240 นะ) วางอยู่ตรงหน้าผมแล้ว บอกตามตรงเลยว่าผมมี First Impression ที่ดีมากกับเจ้า M240 ตั้งแต่ผมเห็นกล่องล่ะครับ กล่องของ M240 มีรูปทรงเปลี่ยนไปจาก M8 และ M9 แบบเห็นได้ชัด ดูเล็กลง แต่ “Lean” ขึ้นอย่างรู้สึกได้ และเมื่อเปิดกล่องออกมายิ่งรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงในเชิงการออกแบบในทางที่ดีขึ้น การออกแบบการจัดเก็บต่างๆ ภายในกล่องถูกออกแบบในรูปแบบของลิ้นชัก แยกชัดเจนระหว่างตัวกล้อง อุปกรณ์ และสายไฟต่างๆ (แล้วในส่วนเก็บสายไฟ นี่เปิดมาเจอสายชาร์จในรถด้วยนี่รู้สึกฟินมาก เข้าใจผู้ใช้งานจริงๆ)


DSC_1178.jpg

The M

ผมค่อยๆ แกะดึงกล่องที่บรรจุตัวกล้อง ที่วางอยู่ที่ชั้นบนสุดภายในกล่องออกมา แล้วค่อยๆ เอาตัวกล้องออกจากพลาสติกที่ห่อมันเอาไว้ เอาเลนส์ 50mm f/1.4 Summilux ASPH ที่เอาไปด้วย เมาท์กับตัวกล้อง … ตั้งแต่ความรู้สึกแรกที่เอาเจ้า M240 ออกจากกล่อง มาถือในมือหลังจากเมาท์เลนส์ … ทุกความรู้สึกผมมันบอกล่ะครับว่า มันคือ ….

“The Best Digital M”

แต่มันจะเป็นยังงั้นจริงหรือเปล่า … เรื่องนี้ “ยาว” ครับ

ก่อนจะอ่านต่อ ต้องบอกไว้ก่อนว่า .. นี่ไม่ใช่ “รีวิว” ของ M240 นะครับ แต่เป็นการเขียนถึงความรู้สึกต่างๆ จากการใช้งานจริงของผู้ใช้คนหนึ่ง ถึงจะออกแนวรีวิวมากกว่าทั้งสองตอนที่ผ่านมาก็เถอะ … ถ้าไม่ชอบบทความอารมณ์ “เล่าเรื่องราว” ก็ข้ามไปนะครับ อย่ากดเข้าไปอ่านต่อ :-)

Continue reading

The Other Path, The Other Way

[อัพเดท: 10/08/2013] เพิ่มเนื้อหาเล็กน้อย และรูป 1 รูป


จำเป็นด้วยหรือ ว่าจะต้องดูเส้นทางที่คนอื่นกำลังเดินอยู่ตลอดเวลา จำเป็นด้วยหรือ ที่จะต้องเปรียบเทียบทุกสิ่งทุกอย่างกับคนรอบข้างอยู่ตลอดเวลา … บางครั้ง เส้นทางที่ดูเหมือนจะสวนกับเส้นทางที่คนอื่นทั้งหมดกำลังเดิน มันอาจจะเป็นเส้นทางที่ดีกว่าก็ได้นะ

ถ้าเราเดินทางสวนกับคนอื่น หรือคนละทางกับคนอื่นซะบ้าง เราอาจจะไม่ต้องเจอสิ่งที่คนอื่นเขากำลังเจอ กำลังบ่น กำลังจะเจอ กำลังเสียเวลาเพื่อเผชิญและไม่รู้จะแก้มันยังไง ก็ได้นะ

หลายคนไม่ได้อยากแข่งขันอะไรกับใครหรอก แต่พอเดินทางเส้นเดียวกับคนอื่นมากๆ เข้า ถึงเราจะไม่อยากแข่งขันอะไรกับใคร การแข่งขันและเปรียบเทียบต่างๆ มันจะตามเรามาเองโดยที่เราไม่จำเป็นที่จะต้องเรียกร้องหรือต้องการมัน


L1000777.jpg

Contrast in a Way (ป.ล. ภาพนี้มีคำใบ้สำคัญอยู่ในภาพ..)
แถวสาทร ตอนเลิกงาน

Continue reading

My Leica Story [2]: The M9

ความเดิม: My Leica Story (Part 1): The M8

หลังจากที่ได้ M8 มาไม่นานเท่าไหร่นัก Leica ก็ทำสิ่งที่พวกเขาบอกมาตลอดว่า “ทำไม่ได้” หรือแม้แต่ “เป็นไปไม่ได้” สำเร็จ นั่นก็คือ Full Frame Digital M ซึ่งแน่นอนว่าจะกลายมาเป็นรุ่นต่อจาก M8 และใช้ชื่อว่า M9​ โดย Leica เลือกวันเลขสวยมาก คือ 09/09/09 ในการประกาศตัว

แต่ด้วยความที่ตอนนั้นเพิ่งจะแทบหมดตัวกับการได้ M8 มาไม่นานนัก แถมยังรู้สึกว่ามันโคตรห่วย ถ่ายยังไงก็ไม่สวย (อ่านรายละเอียดเรื่องนี้ได้จากบทความตอนที่แล้วตาม Link ด้านบน) ทำให้ผมค่อนข้างจะไม่สนใจมันเท่าไหร่ แต่พอเห็นรูปจากที่คนอื่นที่เค้าลองใช้คนแรก ถ่ายกัน อืมมม สวยนะ เอ .. เราเอามาใช้จะถ่ายสวยกว่า M8 มั้ยนะ (ตอนนั้นยังหวังพึ่งอุปกรณ์อยู่) แต่ก็คงเหมือน M8 มั้ง ที่ดูคนอื่นถ่ายสวยหมด แต่ตัวเองถ่ายไม่ได้เรื่อง ใช้ Nikon ต่อไปดีกว่า .. ทำให้กว่าผมจะได้เล่นมันจริงๆ น่ะอีกนานเลย … หลังจากที่ “ผมเปลี่ยนไป” แล้วน่ะแหละ


Leica M9 Body

Leica M9 … รูปถ่ายโดยเจ้าของเก่าของกล้องตัวนี้

เช่นเดียวกับตอนแรกของซีรี่ส์นี้นะครับ … นี่ไม่ใช่ “รีวิว” ถ้าไม่ชอบบทความอารมณ์ “เล่าเรื่องราว” ก็ข้ามไปนะครับ อย่ากดเข้าไปอ่านต่อ :-)

Continue reading