A Week with Fujifilm X100

Fujifilm X100 เป็นกล้องที่หลายคนตามหา หลายคนอยากได้ หลายคนซื้อมาแล้วไม่ถูกใจรีบขายต่อ …..

ผมสนใจกล้องตัวนี้ตั้งแต่ประกาศออกมาในงาน Photokina ปีก่อน ด้วยความที่ตัวเองชอบกล้องสไตล์โบราณ และต้องการกล้องคอมแพคที่มีขนาดเซนเซอร์ใหญ่อยู่แล้ว (จะสังเกตว่าผมมีกล้องแนวนี้หลายตัวพอควร ทั้ง Leica M8 และ Panasonic GF1 ซึ่งจริงๆ แล้วหัวใจมันอยากจะได้ Olympus E-Pen มากกว่า .. มันเป็นการต่อสู้กันระหว่างสมองและหัวใจ ที่สุดท้ายแม้ผมจะตัดสินใจซื้อ GF1 แต่ก็ยังอยากได้ E-P2 หรือ E-PL2 อยู่ดี; อาจจะขาย GF1 ด้วยซ้ำ)

ครั้งนี้ผมตัดสิน “รอไปก่อน”


X100_1_DSCF1159.jpg

วันหนึ่ง ผมมีโอกาสเจอเพื่อนสนิทที่เคยทำ dualGeek Podcast ด้วยกัน (ก็ยังไม่ได้เลิก เพียงแต่ไม่มีเวลาเท่านั้น) ที่ Siam Paragon และมีโอกาสลองเล่น X100 ตัวเป็นๆ ของเพื่อนผมคนนี้อยู่แป๊บนึง (ซึ่งเจ้าตัวได้เขียนเล่าประสบการณ์กึ่งรีวิว X100 ไว้ที่นี่: Wee Viraporn | Fujifilm FinePix X100) ซึ่งก็ทำให้ความอยากได้ X100 ของผมพุ่งกระฉูด ด้วยเหตุผลหลายอย่างเช่น

  • มันเบากว่าที่คิด เบามากเมื่อเทียบกับ Leica M8
  • เลนส์มันดีกว่าที่คิด โดยเฉพาะ Bokeh ที่สวยมาก มาแนว Leica เลย ภาพ Fade ออกอย่างเนียนสวย ไม่มีอะไรที่รู้สึกว่า “ยุ่ง” หรือว่า “แรง” หรือว่า “รก” อยู่ในส่วนที่ควรจะ “เบลอและเนียน” เลย
  • ความรู้สึกตอนสัมผัสดีมาก ยิ่งถ้าเทียบกับ GF1 ด้วยแล้ว เอ่อ … อย่าให้เทียบเลย
  • ความรู้สึกว่ามัน Well-Built มากๆ
  • ความรู้สึกที่สนใจเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

ตายโหง … ดูไปดูมา นี่มันความรู้สึกทั้งนั้นเลยนี่หว่า เอาล่ะสิ จะเป็นการทะเลาะกันระหว่างสมองกับหัวใจอีกหรือเปล่าหนอ (เพราะสมองผมมันบอกว่าให้เก็บเงินไว้ก่อน) แต่จากบทเรียนครั้งก่อน ทำให้ครั้งนี้ผมไม่ลังเลที่จะให้สมองมายุ่งกับความอยากของหัวใจอีกต่อไปแล้ว (สมองชนะทีไร หัวใจมันไม่ยอมปล่อยวางทุกที)


X100_2_DSCF1164.jpg

แต่ว่า … มันหายากมากเลย ไปถามร้านไหนมีแต่ของหมดทั้งนั้น บางร้านก็ไม่เคยมีเข้ามาเลย ก็เลยต้องลุ้นกับคนที่โชคดีซื้อได้แต่ไม่ชอบ แต่ถ้า X100 โผล่มาบนเว็บบอร์ดซื้อขายแลกเปลี่ยนกล้องไม่ว่าจะเป็นเว็บไหนก็ตามเมื่อไหร่ ไม่เกิน 5-10 นาทีมีคนสอยต่อแน่นอน มีอยู่ 2-3 ครั้งที่ผมโทรช้าไปนิดหน่อย (ไม่เกิน 30 นาทีหลังจากมีคนโพสท์กระทู้) ก็กลายเป็นคิวที่ 4-5 ทันที

และแล้ว วันหนึ่งโชคดีก็มาเป็นของผมบ้าง จังหวะที่ผมนั่ง Refresh กระทู้ในห้องขายกล้องของเว็บดังแห่งหนึ่ง ก็มีคนโพสท์ขายกล้องตัวนี้ด้วยเหตุผลที่ว่าซื้อไปลองเล่นแล้วไม่ชอบ และเจ้าตัวกำลังจะเดินทางไปต่างประเทศ ดังนั้นจึงอยากขายก่อน … แต่ว่าด้วยความที่เขาเป็นคนชลบุรี และตัวผมเองอยู่นนทบุรี จะเอาไงดี (ระหว่างที่คุย ก็มีคนโทรมา 2-3 สาย) สุดท้ายก็เลยนัดเจอกันที่ Central บางนา โดยเขาฝากเพื่อนมาให้อีกทีหนึ่ง …. โชคดีเป็นบ้าเลย

อารัมภบทมาเยอะแล้ว คงจะต้องเข้าเรื่องกันเสียที ว่ากล้องตัวนี้ใช้แล้วเป็นอย่างไรบ้าง


X100_3_DSCF1162.jpg

หลังจากที่ได้ X100 มา และทดลองถ่ายนี่นั่นโน่นเล่นในบ้านสักพัก ผมก็ตัดสินใจ “ทดสอบ” จริงจังนิดหน่อย ซึ่งการทดสอบจริงจังของผม ก็ไม่ได้ทดสอบกับ Test Chart อะไรหรอกครับ เพราะว่ามันไม่ได้มีสาระอะไรในความรู้สึกผมซึ่งเป็นเพียงผู้ถ่ายภาพเล่นๆ ทั่วไปเท่านั้น แต่ผมเลือกที่จะทดสอบกับกล้องที่ผมมีอยู่แล้ว ว่าถ้าถ่ายมุมเดียวกันแบบไม่ค่อยคิดอะไร ภาพที่ได้จะออกมาอย่างไร ซึี่งผมได้โพสท์ภาพจากการทดสอบเหล่านี้ไว้บน Flickr ของตัวเองเรียบร้อยแล้ว

การตั้งกล้องทุกตัวนั้น ผมตั้ง JPEG หมด เพราะว่าโดยปกติผมเป็นคนถ่ายภาพ JPEG มากกว่า RAW ยกเว้นเสียแต่ว่าผมจะรับ JPEG Engine ของกล้องไม่ได้จริงๆ จึงจะถ่าย RAW ซึ่งจากภาพทั้งหมดที่ได้ออกมา ผมพบว่า GF1 กับ M8 นั้นมีโทนภาพของ JPEG ใกล้เคียงกัน และ “ไม่สวย” ทั้งคู่ (คือ ผมรับ JPEG จากกล้องสองตัวนี้ไม่ได้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร เป็นแค่สองตัวในบ้านที่ผมถ่าย RAW เป็นหลัก) แต่ X100 ให้ JPEG ที่สวยกว่าและเป็นธรรมชาติกว่าแบบเห็นได้ชัด รวมถึง Skin Tone ที่สวยกว่ามากๆ


X100_4_DSCF1042.jpg

ยิ่งเมื่อทดสอบเทียบกับ D3s ก็ยิ่งทำให้ตกใจ เพราะว่าโทนสีของภาพออกมาใกล้เคียงกันมาก มากจนเรียกได้ว่าถ้าเอารูปหลายๆ รูปมาคละกันแล้วถามผมว่ารูปไหนจาก D3s รูปไหนจาก X100 นี่ผมแยกไม่ออกง่ายๆ แน่นอน และที่สำคัญคือ Bokeh ของ X100 นั้นสวยกว่า Bokeh ที่ได้จากเลนส์ Nikkor 35 f/2 เยอะมาก (ผมไม่ได้เทียบกับ 24-70 f/2.8 นะครับ ถ้าเทียบก็น่าสนุก เพราะว่า 24-70 f/2.8 นี่ก็ Bokeh สวย)

นี่จะเป็นกล้องคอมแพคเซนเซอร์ใหญ่ที่ผมฝันไว้หรือเปล่า? ถ้าใครอ่านจากรีวิว Nikon P7000 (และ P7000: On the trip) ของผมจะทราบว่า ผมชอบ คุ้นเคย และ “ติด” สี JPEG จาก Nikon มากๆ … มากจนผมใช้งาน LX3, G1, GF1 รวมถึง M8 ไม่มีความสุขเท่าที่ควร (ถึงขนาดต้องสร้าง LR Preset และถ่าย RAW มาปรับกับ Preset เอาเอง)

ว่าแล้วก็ต้องลองเอาออกจากบ้านไปถ่ายรูปตามสถานการณ์จริงซะหน่อย


X100_5_DSCF0985.jpg

จากการถือไปใช้งานจริงที่นั่นที่นี่ ผมพบว่าผมใช้งานมันได้แบบค่อนข้างมีความสุขพอสมควร และพอใจกับผลที่ได้มากๆ ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายคน หรือว่าถ่ายสิ่งที่เกิดขึ้นรอบๆ ตัว โดยรวมๆ แล้วพอใจมาก

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของน้ำหนักที่เบาจนไม่รู้สึกว่ารำคาญหรือเป็นภาระกับไหล่และคอ Texture ที่ให้ความรู้สึกดีเวลาที่หยิบขึ้นมาถ่าย View Finder หรือช่องมองภาพที่ดีมาก โดยตัว EVF นั้นเป็น EVF ที่ดีที่สุดที่ผมเคยใช้มา (หมายเหตุ: ผมไม่เคยใช้ EVF ของ Olympus) และถ้าไม่ชอบ EVF จริงๆ หรืออยู่ในบางสภาพแวดล้อมที่ EVF ไม่เหมาะเท่าไหร่ ก็เปลี่ยนไปใช้ OVF ได้เสมอ และ OVF ก็ค่อนข้างทำได้ดี ถึงตอนแรกผมคิดว่ามันจะสว่างกว่านี้สักนิดก็เถอะ แต่มันก็ไม่ได้มืดกว่า OVF ของ M8 นะ


X100_8_DSCF1204.jpg

พูดถึงเรื่อง OVF ตอนแรกก็งงเหมือนกัน ว่าในเมื่อ OVF มันไม่ใช่ TTL และมันไม่ใช่ Rangefinder แล้วจะรู้ได้ยังไงว่ามันโฟกัสโดนหรือเปล่า แต่ว่าพอมาลองใช้จริงๆ ถึงจะเห็นว่ามันมีขีดบอกระยะโฟกัสให้เราด้วย พร้อมกับกรอบสี่เหลี่ยมแสดงว่ากำลังโฟกัสอะไรอยู่ ซึ่งถ้าเราเคยใช้พวก Zone Focusing หรือ Hyper Focal กับพวก Rangefinder อยู่แล้วก็จะคุ้นกับการประมาณระยะสิ่งที่อยากถ่ายอยู่แล้ว ดังนั้นเห็นตัวเลขก็พอจะประมาณได้ว่าโฟกัสโดนหรือไม่

การควบคุมที่เกี่ยวกับการถ่ายภาพ ผมให้คะแนนดีกับเรื่องที่เอาการปรับขนาดรูรับแสงไปอยู่บนเลนส์ แต่ว่าหักคะแนนนิดหน่อยตรงที่ไม่ทำให้มันหมุนปรับง่ายๆ เหมือนกับเลนส์ Leica เพราะอันนี้มันอยู่ติดตัวกล้องไปหน่อย ปรับขนาดรูรับแสงตอนจะถ่ายรูป (ดู View Finder อยู่) ยากกว่าที่ควรจะเป็น แต่ว่าแค่นี้ก็เจ๋งแล้ว Leica ยังไม่ทำแบบนี้กับ X1 เลย (ไม่รู้ทำไม) ส่วนที่หมุนปรับชดเชยแสงก็อยู่ในตำแหน่งที่เข้าถึงง่าย (ตำแหน่งเดียวกับ P7000)


X100_9_DSCF1178.jpg

ส่วนเรื่องความเร็วชัตเตอร์ ถึงบนที่หมุนปรับความเร็วชัตเตอร์จะเขียนไว้ถึง 1/4000s ก็เถอะ แต่ถ้ารูรับแสงกว้างๆ ก็จะได้น้อยกว่านั้น (ที่รูรับแสงกว้างที่สุด f/2 นั้นจะได้แค่ 1/1000s) ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเพราะว่าชัตเตอร์เป็นแบบ Leaf Shutter ที่อยู่ที่ตัวเลนส์ ไม่ใช่ Focal Plane Shutter ที่อยู่ที่ตัวรับภาพ ดังนั้นความเร็วชัตเตอร์ที่รูรับแสงแคบเลยได้มากกว่ารูรับแสงกว้าง (ระยะทางที่ตัวชัตเตอร์ต้องเคลื่อนที่มีน้อยกว่า) ซึ่งทำให้เกิดปัญหานิดหน่อยในการใช้รูรับแสงกว้างถ่ายภาพตอนกลางวัน

แต่ว่า X100 ก็มี ND Filter ซึ่งจะทำให้กล้องรับแสงได้น้อยลง Built-in มาให้ด้วย แต่การจะเปิดใช้งาน ND Filter นั้นต้องเข้าไปใน Menu ซึ่งก็ไม่ได้เป็นระเบียบอะไรเท่าไหร่ และระบบ Menu เองก็ไม่ได้ทำงานเร็วด้วย (เข้าขั้นช้าเลยล่ะ) ดังนั้นก็อาจจะหงุดหงิดพอสมควร แต่ก็ยังดีที่มีปุ่ม Fn ซึ่งตั้งค่าได้ว่าจะให้ทำอะไรอยู่ปุ่มหนึ่งอยู่แถวๆ ชัตเตอร์ ก็เลยตั้งไว้ให้เข้าถึง ND Filter ซะเลย


X100_10_DSCF1187.jpg

ส่วนข้อเสียที่เจอน่ะเหรอ บอกได้คำเดียวว่า “เพียบ”

เรื่องแรกคือความเร็วของการโฟกัสอัตโนมัติ ซึ่งถ้าเคยชินกับ DSLR มาก่อน (โดยเฉพาะพวก Speed Demon เช่น D3s) จะรู้สึกว่าช้าจนรำคาญ ถ้าเทียบกับ GF1 ก็ยังช้ากว่าอย่างรู้สึกได้ (ก็ GF1 มันโฟกัสไวแบบไม่น่าเชื่อสำหรับกล้องที่ใช้ Contrast Detection) ซึ่งถ้าจะเอาไปถ่ายภาพเคลื่อนไหวเยอะๆ ล่ะก็ บอกได้คำเดียวเลยว่า “หมดสิทธิ์” (ไม่ต้องถึงขนาดถ่าย Street Action หรอก แค่พยายามถ่ายหมาเดินไปเดินมาในบ้าน ยังโฟกัสไม่ทันเลย)


X100_11_DSCF1226.jpg

ถัดมาก็คงเป็นเรื่องความไม่เสถียรของ Firmware ที่ไม่เสถียรเอาซะเลย ใช้ไปใช้มาค้าง และไม่ใช่เจอครั้งเดียวหรือเป็นอยู่คนเดียวซะด้วย อ่านๆ จากเว็บเมืองนอกเจอกันเยอะแยะ ก็หวังว่า Fujifilm จะรีบอัพเดท Firmware แก้ปัญหานี้นะ บางคนบอกว่าใช้ SD Card ที่เร็วที่สุดเท่าที่จะหาได้ อาจจะแก้อาการนี้ได้บ้าง อืมมมม ยังไม่ได้ลองวิธีนี้ดังนั้นผมคอนเฟิร์มไม่ได้ แต่ว่าจริงๆ แล้วค้างไม่ค้าง ไม่น่าจะเกี่ยวอะไรเลยกับความเร็วของ SD Card แฮะ ถ้าเรื่องการเขียนอ่านไฟล์ก็อีกเรื่อง แต่ผมไม่ได้ถ่าย RAW อยู่แล้ว ก็เลยไม่ต้อง “รอ”

เรื่องของโฟกัสยังไม่จบ แต่คราวนี้เป็นเรื่อง Manual Focus ที่ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมทำแบบ Electronic (หรือแบบ Fly-by-Wire) มาให้ ทำไมไม่ทำแบบ Mechanical แบบเลนส์เก่าๆ หมุนเท่าไหร่ได้เท่านั้น และการตอบสนองจะไวกว่า แบบนี้ก็เรียกว่า 2 เด้งเลย เพราะว่า Auto Focus ไม่เร็ว แถม Manual Focus ก็ดันเป็นแบบนี้อีก ….


X100_12_DSCF1220.jpg

แล้วก็เรื่องเล็กน้อย แต่กวนใจไม่แพ้กัน ก็คือปุ่มต่างๆ ที่ไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ ปุ่มที่ควรมีก็ดันไม่มี (ต้องเข้าไปใน Menu ซึ่งก็ทำงานช้า) ปุ่ม Fn ที่ตั้งค่าได้ว่าจะเอาไว้ทำอะไรก็มีปุ่มเดียว และการวางตำแหน่งของตัวเลือกต่างๆ ใน Menu นั้นก็ไม่ได้ดีสักเท่าไหร่ … แต่อันนี้ใช้ๆ ไปคงจะชิน

กล้องที่ผมเห็นว่าเป็นตัวอย่างที่ดีในเรื่องของ Menu ก็คือ Leica M8 ซึ่งไม่มีตัวเลือกอะไรให้เลือกมากนัก กดขึ้นลงแป๊บเดียวก็หมดแล้ว แต่ละตัวเลือกก็สำคัญทั้งนั้น และกล้องที่เป็นตัวอย่างที่ดีในเรื่องการวางปุ่มควบคุมภายนอก ก็พวกตระกูล Nikon … หรือว่าผมแค่ชินกับมัน ก็เลยคิดว่ามันดีก็ไม่รู้เหมือนกัน


X100_13_DSCF1214.jpg

สรุปๆ กล้องที่เปลี่ยนเลนส์ไม่ได้ ซูมไม่ได้ ทำงานค่อนข้างช้า โฟกัสอัตโนมัติไม่ค่อยไว ไม่มีระบบตรวจจับหน้า ฯลฯ แบบนี้ไม่เหมาะกับหลายๆ คนแน่ๆ และหลายคนก็ไม่ชอบระยะเลนส์ที่เทียบเท่ากับ 35mm เท่าไหร่ เพราะว่าไม่ค่อยกว้าง ถ่ายรูปหมู่หรือว่าหันกล้องถ่ายตัวเองลำบาก ถ่ายอาคารสถานที่หรือว่าถ่ายวิวที่อยากจะเก็บทั้งหมดก็ไม่สะดวก และเนื่องจากซูมไม่ได้ เปลี่ยนเลนส์ไม่ได้ ก็ถ่ายเจาะเน้นเฉพาะจุด หรือถ่ายสิ่งที่อยู่ไกลๆ ไม่ได้


X100_6_DSCF1161.jpg

แต่ผมกลับเห็นว่า ระยะ 35mm นี้เป็นระยะที่เหมาะมาก สำหรับการถ่ายภาพเพื่อจดจำชีวิตที่กำลังเกิดขึ้น รวมถึงสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเรา และการที่ไม่ต้องคิดถึงเลนส์ คิดถึงซูม คิดมากว่าจะใช้อะไรดี ฯลฯ ทำให้เราสนุกและมีอิสระมากขึ้นกับการถ่ายรูป และถ้าเราชินแล้ว กล้องก็จะกลายเป็นเครื่องมือที่เป็นผู้ช่วยของตา (ตาเห็น มือถ่าย) มากกว่าที่จะเป็นภาระของสายตาและสมอง (ตาเห็น สมองคิดปัจจัยต่างๆ ทั้งเรื่องระยะ เรื่องนี่นั่นโน่น ตาเล็งมุมกว้าง เล็งมุมเจาะ ฯลฯ)


X100_7_DSCF1169.jpg

ก็ได้แต่ว่าหวังว่า Fujifilm จะอัพเดท Firmware เพื่อแก้ปัญหาบางอย่างที่น่าจะแก้ได้ในระดับ Firmware ในเร็ววันนี้ และก็ได้แต่หวังว่า X100 คงจะส่งสัญญาณแรงๆ ไปยังอีกหลายเจ้า โดยเฉพาะ Leica ที่วันหนึ่งก็ต้องออก X2 ออกมา หรือ Nikon/Canon ที่หลายคนก็ยังหวังว่าจะทำกล้องคอมแพคเซนเซอร์ใหญ่ออกมาบ้าง

ลึกๆ แล้ว ผมก็ยังหวังว่าจะได้เห็น Nikon SP กลับมาเกิดใหม่เป็นกล้องคอมแพคเซนเซอร์ใหญ่ แบบ X100 สักวัน