หนีน้ำ 2554

วันที่ 28 ตุลาคม 2554 วันที่ชีวิตผมเริ่มเปลี่ยนไปอีกครั้ง

จากเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ปี 2554 บ้านผมที่ตั้งอยู่ใน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี นั้นเป็นพื้นที่ประสบภัย ทำให้ต้องอพยพหนีภัยมาอยู่ที่ชลบุรี และเนื่องจากรถผมดับไปตอนขับฝ่าน้ำซึ่งท่วมถนนราชพฤกษ์ค่อนข้างสูง (และรวดเร็ว ก่อนหน้านั้น 1 วันยังแห้งอยู่) ทำให้ผมไม่มีรถใช้ระหว่างหนีภัยนี้


photo1.JPG
จากระเบียงชั้นสอง ไม่กี่วันก่อนจะตัดสินใจหนีออกมา



photo-2.jpg
ทางเข้าหมู่บ้าน ไม่กี่วันก่อนหนีออกมา จุดนี้ความสูงพื้นที่มากกว่าตรงบ้านประมาณหนึ่งฟุต

แต่มันทำให้ผมพบความจริงง่ายๆ หลายอย่างมาก กับวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป … และมันอาจจะเปลี่ยนชีวิตผมไปแบบไม่มีวันกลับ

ตั้งแต่สิ้นเดือนตุลาคมถึงสิ้นเดือนพฤศจิกายน … 1 เดือนนี้ เป็น 1 เดือนที่แปลกที่สุดตั้งแต่ผมกลับมาจากประเทศญี่ปุ่นเมื่อเมษายนปี 2548 คือเป็น 1 เดือนที่ชีวิตผมแทบจะตัดขาดจาก “โลกภายนอก” ที่ผมเคยรู้จัก เหมือนกับสำหรับผมแล้ว โลกใบนั้นมันได้หยุดหมุนไปเสียเฉยๆ ถึงแม้ว่าในความเป็นจริงแล้ว มันจะยังหมุนของมันไปเป็นปกติ มีชะงักบ้างเนื่องจากผลกระทบเล็กน้อยของน้ำท่วม เช่น

  • มหาวิทยาลัยศิลปากร ก็ยังทำงานปกติ ถึงจะมีการเลื่อนเปิดเทอม แต่หน่วยงานต่างๆ ก็ยังทำงานปกติอยู่ ถึงจะมีการอนุญาตให้ผู้ประสบภัยและไม่สะดวกในการเดินทางสามารถหยุดได้ก็ตาม
  • หลายแห่งในกรุงเทพฯ ซึ่งผมเคยไปทำงาน คุยงาน ประชุม ฯลฯ ก็ยังเปิดทำการปกติ เนื่องจากไม่ค่อยจะกระทบจากน้ำท่วมเท่าไหร่

จากการที่ไม่มีรถ และถนนเส้นทางที่รู้จักในการไปที่ต่างๆ ถูกตัดขาดหลายเส้น ทำให้ชีวิตผมเปลี่ยนไป ….

เมื่อเช้านี้ ผมได้โพสท์ใน Facebook ของตัวเองว่า

จากการหนีน้ำครั้งนี้ ทำให้เข้าใจเรื่องง่ายๆ หลายอย่างมากขึ้น ว่าจริงๆ ชีวิตคนเรามันต้องการแค่ไหนถึงจะพอ

เราไม่ได้เป็นเครื่องจักรทำงาน เราไม่ต้องการการถกเถียงเอาชนะ เราไม่ต้องการระเบียบกรอบอะไรมากมาย เราไม่ต้องการดิ้นรนกระเสือกกระสนแข่งขันกับอะไรก็ตามที่เราคิดเองว่าเป็นคู่แข่ง เราไม่ได้ต้องการรางวัลทรัพย์สินเงินทองมากมายก่ายกองอะไร แม้แต่การยอมรับจากโลกกว้างก็เป็นเรื่องอุปโลก

อย่างๆ น้อยก็ตัวผมเอง… ที่ต้องการแค่มุมสงบๆ นั่งเขียนโปรแกรมไปเรื่อยๆ เขียนหนังสือไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็นั่งเล่นกับหมา นั่งดูทีวี นั่งเล่นเกม ว่างก็หยิบกล้องไปเดินถ่ายรูปรอบบ้าน ไม่ต้องจัดทริป ไม่ต้องตะเกียกตะกาย

ที่เขียนไปในหนังสือ และประวัติตัวเองเวลาส่งไปไหนว่า “ชีวิตผม คงเหลือแค่เขียนโปรแกรม สอนเขียนโปรแกรม เขียนหนังสือสอนเขียนโปรแกรม และถ่ายรูป” เป็นเรื่องจริง และหวังว่าจะเป็นจริง 100% ไม่ต้องมีเรื่องอื่นเร็วๆ นี้

คงบรรยายความรู้สึกตัวเองที่มีในขณะนี้ได้พอสมควร

ผมมองกลับไปยังชีวิตผมที่ผ่านมาหลายปี หลายเดือน ด้วยความไม่เข้าใจ .. ความสงบสุขในชีวิตแบบนี้ หรือ ความซับซ้อนวุ่นวายยุ่งเหยิงทั้งหลายทั้งปวง ที่โลกภายนอกกำหนดให้เราต้องเป็นคนทำ เหมือนมี checklist กำกับไว้ตลอดเวลา ว่าต้องทำอะไร ทำอะไร ทำอะไร ต่อด้วยทำอะไร กันแน่ ที่เป็นสิ่งที่มนุษย์เราต้องการ?

ช่วงหลังๆ ในชีวิตของผมที่บ้าน (ซึ่งเป็นที่ตั้งของ บ.โค้ด แอพพ์ จำกัด ด้วย) นั้นค่อนข้างเรียบง่าย ผมแทบไม่ออกจากบ้านไปไหนมาไหนเท่าไหร่ ตื่นเช้ามาก็เดินไปชงกาแฟ เดินเข้าห้องทำงาน เปิดคอมพิวเตอร์ นั่งเขียนหนังสือ เขียนโปรแกรม เบื่อก็หยิบกล้องไปเดินถ่ายรูปเล่นรอบบ้าน ….. มันเป็นชีวิตที่มีความสุข เทียบกับเมื่อตอนที่ต้องวิ่งไปวิ่งมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

ซึ่งมันก็เหมือนกับชีวิตของผมในช่วงหนีภัยน้ำท่วมนี้

ผมมองกลับไปยังชีวิตก่อนหน้านี้ ด้วยความไม่เข้าใจมากขึ้น กับความซับซ้อนยุ่งยากไม่รู้จักจบจักสิ้นของมัน การประชุม ระบบระเบียบ กฏเกณฑ์ รายละเอียดปลีกย่อย การแก่งแย่งชิงดี การแก่งแย่งทรัพยากร การชิงไหวชิงพริบ การหักหน้าหักตา การเล่นพรรคเล่นพวก รายการสิ่งที่ต้องทำซึ่งคนอื่นที่ไหนไม่รู้เป็นคนกำหนด ฯลฯ … นี่หรือโลกที่เราอยากให้ “ชีวิต” เราอยู่? นี่หรือรูปแบบ “ชีวิต” ที่เราต้องการ?

การตัดขาดจากโลกภายนอกจากที่ผมเคยรู้จัก “ในระดับหนึ่ง” แบบนี้ ทำให้เห็นอะไรดีขึ้นอีกเยอะมาก ผมคงจะปล่อยให้มันหมุนของมันไปอย่างนั้น เพราะผม “พอ” แล้ว กับความสุขจอมปลอมที่ผ่านมาหลายต่อหลายอย่างในชีวิต ที่ไม่ได้ทำให้อะไรมันดีขึ้นเลยแม้แต่อย่างเดียว ยิ่งก่อให้เกิดความยึดติด ความกลัว ความโกรธ ความรัก ความเกลียด ความ ฯลฯ อะไรทั้งหลายทั้งแหล่ มากยิ่งขึ้นทุกวัน

ผมก็ยังจะเขียนโปรแกรม เขียนหนังสือ สอนเขียนโปรแกรม และถ่ายรูปต่อไป ไม่ว่าผมจะอยู่ที่ไหนก็ตาม ผมเชื่อว่านี่คือประโยชน์ต่อโลกเล็กๆ น้อยๆ ที่ผมทำได้ นอกจากการพยายามไม่เบียดเบียนมันมากกว่านี้ …. แต่ปฏิเสธไม่ได้หรอก ว่าลึกๆ ในใจแล้ว ผมอยากไปอยู่ที่ซึ่งมัน “ไกล” และ “สงบ” มากกว่าทุกที่ที่ผมเคยอยู่ …….

ผมหลับตา นึกถึงชนบทไกลๆ …. พอจะหาซื้อหาอะไรได้จากการปั่นจักรยานไปตลาดแถวๆ บ้าน … กลับมานั่งเขียนโปรแกรม เขียนหนังสือ อาจจะเป็นหนังสือเขียนโปรแกรม หรือหนังสือภาพของชีวิตชนบทแถวบ้าน ที่ถ่ายเก็บๆ ไว้ … รายได้จากการขายหนังสือ และแอพพลิเคชั่นบน App Store คงจะทำให้ใช้ชีวิตแบบนั้นได้ไม่ลำบากมากเท่าไหร่ ไม่รู้จะเอาเงินเยอะแยะมากมาย ความสำเร็จแบบโลกภายนอกไปทำไม……

ผมหลับตา เห็นตัวเองในชนบทไกลๆ ….. ปลีกวิเวกจากสังคม เข้าวัดเข้าวา คุยกับพระ อยู่กับอะไรที่เรียบๆ ง่ายๆ …. นั่นคงจะเป็น “ความสำเร็จ” อีกแบบ ที่ลึกๆ แล้วผม “อยากได้” อยู่ก็เป็นได้ ….

ปิดด้วยรูปลูกชายสุดที่รัก ผู้ลี้ภัยหมายเลข 1. ที่พาหนีออกมาตัวแรกเลย


iphonephoto1.jpg