ว่าด้วย iOS 7 “Developer Beta”

[update 29/06] เพิ่มกรณีตัวอย่างของแอพที่เจ๊ง และเพิ่มบทส่งท้ายจากการเขียนเพิ่มเติมของคุณ Prem Sichanugrist ผ่านทาง Facebook


เป็นเรื่องปกติไปแล้ว ว่าก่อนที่ซอฟต์แวร์ตัวหนึ่งจะออกมาให้ใช้งานได้จริงจังนั้น จะต้องผ่านการทดลองใช้งาน โดยมักจะมี “รุ่นทดลองใช้” หรือที่เราเรียกว่า Beta ออกมาให้ลองใช้งานจริงจังก่อน ซึ่งแน่นอนว่ารุ่นทดลองใช้ จะเป็นอะไรที่ยังมีปัญหาอยู่เยอะ ยังไม่สมบูรณ์ แต่มีความสามารถหลักๆ เพียงพอให้ทดลองใช้แล้ว

แล้วมันมีเรื่องอะไรให้ผมต้องเขียนถึงล่ะครับ ก็ในเมื่อมันเป็นเรื่องปกติ๊ปกติขนาดนั้น?

เรื่องของเรื่องก็คือ เมื่อไม่นานมานี้ Apple ได้ประกาศ iOS รุ่นใหม่ คือ iOS 7 ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงแบบล้างบางในเรื่องการออกแบบและการใช้งานหลายๆ อย่าง ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงใหญ่ขนาดที่ทาง Apple เองบอกว่า “ใหญ่ที่สุดตั้งแต่ออกไอโฟนมา” เลยทีเดียว และแน่นอนว่าก็เช่นเดียวกับการเปลี่ยนแปลงทุกครั้ง Apple ก็จะออกรุ่นทดลองใช้มาให้ทดลองใช้ก่อน

แน่นอนว่าการประกาศรุ่นใหม่แบบนี้ และการเน้นว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่ที่สุดตั้งแต่มีมา รวมถึงการโชว์ความสามารถต่างๆ กลางเวที WWDC หรือการที่มีคนนั้นคนนี้เขียนถึง … มันย่อมกระตุกต่อมอยากรู้อยากเห็น อยากมีก่อนคนอื่น อยากลองใช้ อยากลองดู อยากเท่ อยาก ฯลฯ อยากสารพัดอยากของหลายๆ คนแน่นอน ก็เลยต้องรีบหามาลองเล่นกัน

ซึ่งผลก็คือเสียงวิจารณ์แบบ “ห่วย” “ใช้แอพหลายตัวแทบไม่ได้เลย” “เปิดตัวนั้นก็แครช เปิดตัวนี้ก็ค้าง” “เครื่องร้อนมาก” “แบตหมดเร็ว” “Apple ห่วยขนาดนี้เลยเหรอ” ฯลฯ … หลายคนพยายามบอกว่าก็มันยังเป็น Beta หรือรุ่นทดลองใช้อยู่ แต่ก็มักจะมีคนแย้งเสมอๆ ว่า “Beta ก็ต้องค่อนข้างสมบูรณ์แล้วนะ ไม่งั้นจะออกมาให้ทดลองใช้ทำไม ต้องการอะไรเหรอ” ทำนองนี้ค่อนข้างจะเยอะ

ก็…. มันไม่ใช่ “Beta” ปกติน่ะสิครับ …..


dev_beta.png

ครับ มันคือ “Developer Beta” ไม่ใช่ Public Beta หรือ Consumer Beta แล้วมันหมายความว่ายังไงล่ะ?

Continue reading

ชื่อเต็มๆ ของ Windows แต่ละรุ่น

ไปอ่านเจอบล็อกของน้องฟอร์ด เรื่อง Microsoft ทำ Windows ดีและแย่สลับกันจริงเหรอ ที่มีการเขียนถึง Windows แต่ละรุ่น และมุมมองของตัวเอง ก็น่าสนใจดี แต่ว่าพอเห็นชื่อ Windows มันเรียงกันแบบนั้นแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะเขียนถึงเรื่องขำๆ ที่ผมชอบเอาไว้เล่าให้นักศึกษาฟังในแทบทุกวิชา … ว่าจริงๆ แล้วชื่อ Windows รวมถึงชื่อแต่ละรุ่นเนี่ย มันเป็นตัวย่อ

เริ่มจาก WINDOWS ก่อน

Will Install Needless Data On Whole System

แปลว่า จะทำการติดตั้งข้อมูลที่ไม่ต้องการ (= ขยะ) ลงไปบนระบบทั้งหมด …. ซึ่งแรงมากพอควร แต่ว่าถ้าเราลองมาดู Windows แต่ละรุ่น จะเห็นอะไรขำๆ กว่านั้นต่อไปอีก

  • 98 SE = 98 Serious Errors (หรือ Severe Errors ก็ได้) คือ มีข้อผิดพลาดร้ายแรงทั้งหมด 98 อย่าง
  • ME = More Errors เท่านั้นไม่พอนะ รุ่นนี้ยังมีข้อผิดพลาดมากขึ้นไปอีก … หรือ Mostly Errors คือ มันผิดพลาดเกือบทั้งหมดน่ะแหละ
  • XP = eXtra Problems ยังๆ เอาปัญหาไปเพิ่มอีก … หรือ eXtreme Problems อันนี้แถมปัญหาแบบสุดๆ มาให้เลย

ผมคิดตัวย่อของ VISTA ไว้หลายอย่างนะ แต่ว่ายังไม่มีอันไหนขำพอ และแสดงถึงความเป็น VISTA ได้อย่างมากเพียงพอ

เสนออะไรมั้ยครับ?

แก้ Dock ใน Leopard

Dock เปลี่ยนไปเยอะมากมายใน Leopard และถึงผมจะเริ่มชินกับมันบ้างแล้ว แต่ว่าผมก็ยังไม่ค่อยจะชอบมันเท่าไหร่อยู่ดี ครั้นลองเปลี่ยนไปเป็น 2D ตามที่ เคย post ไว้ก่อนหน้านี้ ผมก็รำคาญขอบสีขาวของมันอยู่ดีน่ะแหละ เลยเปลี่ยนกลับไปเป็น 3D เหมือนเดิมอะไรๆ มันก็พอจะเริ่มรับได้ล่ะนะ ยกเว้นเจ้าทางม้าลาย ที่ผมว่ามันเกะกะจัง มัน visual distraction มากเลย ก็เลยหาทางเอาออกซะสรุปว่า ผมก็เลยหาทางเล่นกับ Dock ตัวนี้ซะเลย ทำตามนี้นะครับ

  1. เปิด Finder ไปที่ /System/Library/CoreServices 
  2. หา Dock.app แล้ว click ขวา เลือก Show Package Contents
  3. เข้าไปใน Contents/Resources
  4. จากนั้นก็หาไฟล์ชื่อดังนี้ scurve-[l,m,sm,xl].png ซึ่งเป็นไฟล์สำหรับฐานรอง Dock และไฟล์ที่ขึ้นต้นด้วย separator ซึ่งเป็นไฟล์ตัวกั้นลายทางม้าลาย (มี 3 ไฟล์ ชื่อคล้ายๆ กันตามรูปแบบของตัวกั้นที่ใช้งาน สำหรับ 3D Dock แล้วก็ 2D Dock ด้านข้างและด้านล่าง)
  5. จากนั้นจะทำอะไรกับไฟล์เหล่านี้ก็ตามสบายครับผม อย่าลืม backup ไว้ก่อนล่ะ
  6. จากนั้นก็หาทาง restart Dock ซึ่งง่ายที่สุดก็เปิด Terminal.app แล้วก็พิมพ์ว่า killall Dock กด enter
  7. Boom!

ใครที่ถนัดใช้ command line อยู่แล้ว ก็เปิด Terminal.app แล้วก็พิมพ์

cd /System/Library/CoreServices/Dock.app/Contents/Resources

แล้วก็เชิญงัดแงะตามสบายได้เลยรูปด้านล่างนี้เกิดจากการที่ผมย้ายไฟล์ทางม้าลายที่ว่านี่ไปไว้ที่อื่น

[update 1]: เพิ่งจะงัดแงะต่อ กับการแก้ขอบขาวใน 2D Dock พบว่าถ้าย้ายไฟล์ bottom[1-5].png ไปไว้ที่อื่นแทน แล้วก็ทำเป็น 2D Dock อย่างที่เขียนใน post ที่ link ไว้ข้างบน ขอบขาวมันจะหายไป…

Happy Hacking ครับ

จับภาพหน้าต่างใน Leopard

หลายคนที่เคยใช้ command+shift+4+space ในการจับภาพหน้าต่างใน Mac OS X คงจะชอบแฮะ เพราะว่าตอนนี้มี shadow รอบหน้าต่างแล้ว ไม่ต้องไปทำเอง

(ไอ้กรอบขาวๆ รอบๆ นี่ไม่เกี่ยวนะ อันนั้น HTML table code กับ theme ของ blog นี้ ส่วนที่ ​Leopard เพิ่มเนี่ย เฉพาะตรงเงา)แต่ว่าก็แล้วแต่งานนะ ถ้าต้องการเรียบๆ อาจจะไม่ชอบ ต้องไปหาวิธีทำอย่างอื่น แต่ว่าสำหรับผม OK เพราะว่ามันทำให้เวลาเราเอารูปหน้าต่างลงในบทความ ในหนังสือ หรือว่าใน Web แล้วมันดู distinguishable มากขึ้นเยอะ

Leopard Notes

ลง Leopard ไปเมื่อคืน เพิ่งจะเสร็จตอนนี้ และนี่คือ impression คร่าวๆ และ installation notes กับตัวเอง (ไม่เรียงลำดับ คิดอะไรได้ก่อนเขียนก่อน)

  • Bash เป็น version 3.2.17(1) ไม่ต้องหาของใหม่มาลงแล้ว ไอ้นี่เป็นสิ่งแรกที่ check เลย ตอนที่เข้าไปใน iStudio ที่ใกล้บ้านที่สุด (ปิ่นเกล้า) … ผมคงเป็นไม่กี่คนในโลกที่เมื่อลองเล่น Leopard สิ่งแรก ที่ทำคือหา Terminal มาดู version ของ Bash
  • อันดับต่อไปก็ uname -a ได้ข้อสรุปว่า Darwin 9.0.0
  • และแล้ว Terminal มี tab ซะที
  • พอเริ่มลง อืมมม Installer แปลกตาไปแฮะ แต่ว่าก็ไม่ได้มีผลอะไรกับการลงง่ายลงยาก เพียงแต่บริเวณ active window มันมากขึ้น
  • มี Ruby 1.8.6 และ Rails 1.2.3 แต่ว่าก็ต้องลง MySQL เพิ่มเข้าไปเพราะว่ามันไม่มีให้ ก็เอา binary ของ Tiger มาใช้ได้เลย (warning: ยังไม่ได้ทดสอบ!) แต่ว่า Preference Pane มันจะไม่ work ต้องใช้งานผ่าน command line อย่างเดียว แล้วก็อีกอย่างก็ต้องแก้ symbolic link นิดหน่อย ตามนี้ อ่อ อ่าน troubleshooting นี่ด้วยนะ
  • มี PHP 5.2.4
  • Apache เป็น 2.2.6
  • Mail.app เร็วมาก เมื่อเทียบกับของเก่า แต่ว่ายังไม่ได้ลองใช้ ​RSS
  • Fink ประกาศรองรับ Leopard (สมควร) แต่ว่าตอนนี้ยังไม่มีอะไร ก็ bootstrap ใหม่ หรือว่า selfupdate (ทำที่ ม. ไม่ได้) แต่ว่าตอนนี้ก็ยังไม่มีอะไร และเนื่องจากที่ ม. ใช้ MacPorts ไม่ได้ ด้วยเหตุผลเดียวกัน ก็เลยต้องลงโน่นนี่ที่จำเป็นจาก source เอาเอง
  • Menu bar ใหม่ ทำให้เรื่องมากกับการเลือก background มากขึ้น เพราะว่าจะต้องเลือกให้ menu bar มันสวย อ่านออกง่าย ฯลฯ ด้วย เฮ้อ เป็นภาระนะเนี่ย แต่ว่ามันก็สวยดีอ่ะนะ
  • ลองทำ Dock เป็น 2D แล้ว กลายเป็นรำคาญเส้นขาวๆ ที่อยู่ตรงขอบมันแฮะ สรุปว่าก็เลยใช้มันแบบนี้แหละ
  • ยังไม่ได้ลองเล่น Xcode ใหม่ กับ Core Animation ทั้งๆ ที่เป็น priority หลัก (ตอนนี้ไล่ compile พวก lib ที่จำเป็นกับงานอื่นๆ ก่อน จะต้องทำไว้ให้พวกผู้ช่วยใน lab ด้วย)
  • Preference ใหม่หลายตัวเลย งงๆ กับตัว Network นะ มันทำให้ต้อง click มากขึ้นโดยใช่เหตุหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่ว่าก็มองเห็นภาพรวมดีขึ้นนะ สรุปว่าสำหรับผู้ใช้ทั่วไปที่ไม่ได้ยุ่งกับ advanced settings มากนักคงจะดี
  • ในที่สุดสีมันก็ Unified เสียที ปุ่มบนบาร์ก็ดูเนียนขึ้นเป็นส่วนมาก ความรู้สึกที่ว่ามันจะวิสต๊าวิสต้า น้อยลงไปเยอะ
  • Spaces ใช้งานร่วมกับ Desktop Manager 0.5.4r1 ได้เนียนดี ซึ่งเป็น plus มากสำหรับผม ที่ชินการตั้ง key combination ของ Desktop Manager และชอบที่เห็น visual ของ desktop ทั้งหมดที่ตัวเองมีอยู่บน Menu bar
  • QuickSilver ใช้ได้ไม่มีปัญหาอะไร (จริงๆ สำหรับ version นี้ Apple ประกาศเลยว่าจะให้ Spotlight เป็น Application Launcher ได้ด้วย … ก็ลองใช้ดูแล้วก็ OK นะ แต่ว่ายังชอบ QuickSilver มากกว่า มันฉลาดกว่ากับการพิมพ์ผิด)
  • แต่ว่า Spotlight รุ่นนี้ก็ on-steriod พอควรนะ ใช้เป็นเครื่องคิดเลขได้ด้วย
  • ชอบตอน unzip/untar.gz ไฟล์นะ มันจะขึ้นเป็น folder มาวางซ้อนกับ file ที่เรา unzip ไม่ต้องไปหาที่ไหนไกล แต่ว่าข้อเสียมันคือ ถ้ามันเป็นคนละชื่อกัน มันก็จะเป็นเหมือนเดิม คือไปวางเป็น folder ต่อตรงปลาย ซึ่งตรงนี้ทำให้เกิดพฤติกรรมที่ไม่ consistent เท่าไหร่
  • โปรแกรมส่วนมากที่ใช้ทำงานประจำก็ใช้ได้นะ แต่ว่า ecto (โปรแกรมที่ผมใช้เขียน blog) กลับมีปัญหาซะงั้นน่ะ ก็เลยต้องเอา version 3 มาลง ดีนะที่ serial เก่าที่เราซื้อมามันใช้ได้ ไม่งั้นต้องเสียตังค์ซื้อใหม่อีก (แต่ว่าพอตัวจริงออกมาจะต้องเสียตังค์ upgrade หรือเปล่าไม่รู้ ตอนนี้มัน beta อยู่)
  • Finder screams! เจ๋งโคตร เร็วมาก Cover flow เร็วและเนียนมาก และมีประโยชน์จริงสำหรับไฟล์ที่ใช้ visual แบ่งแยกได้ง่ายๆ
  • QuickLook ก็เป็น killer อีกอย่างหนึ่งที่ทำให้ Finder รุ่นนี้มัน killer มากขึ้นตามไปด้วย
  • ส่วนที่กังขากันมานาน ก็คือ มันช่วยให้ดู source code ได้หรือเปล่า คำตอบคือ ได้ แต่ไม่มีประโยชน์ เพราะว่าพี่ท่านเล่นให้ดูทั้งหน้า(แทนที่จะเป็นหัวไฟล์) ทำให้ตัวอักษรมันเล็กมาก….. และไม่มี syntax highlighting สงสัยต้องแงะ SDK ดูว่ามันทำ QuickLook plugin ได้หรือเปล่า (ถ้าเอา sense มาพูด ก็คงได้)
  • อ่อ สิ่งที่เคยเป็นคอขวดที่งี่เง่ามากใน Finder รุ่นก่อน คือการทำงานกับ network ก็ไม่เจออีกแล้วในรุ่นนี้ เนียนมาก

ส่วนที่ยังไม่ได้ทำ แต่ว่าอยู่ใน list ก็คือ

  • ลง Qt, ImageMagick, RMagick ซะ คิดว่าคงต้องลงจาก source หมด สบายใจดี
  • เล่น Finder มากกว่านี้ ขุดหา limitation มันมากกว่านี้หน่อย ตอนนี้ก็มีเรื่องไม่ค่อยจะชอบใจมันบ้างล่ะนะ แต่ว่าไม่รู้ว่าเป็นเพราะเรายัง set มันไม่เป็นเองมากกว่าหรือเปล่า
  • เล่นกับ Developer Tools
  • ทดสอบ App ที่มันซีเรียสกว่านี้
  • ทดสอบ Time Machine และ potential ที่จะเอามาประยุกต์ใช้กับงานหลายๆ แบบว่ามันเหมาะสม/ไม่เหมาะสมยังไง
  • ทดสอบ OpenGL และ Core Animation
  • หา Usability flaws (ท่าทางจะว่างงาน)
  • เตรียมทำ dualGeek podcast ตอนพิเศษเรื่อง Leopard โดยเฉพาะ

คงแค่นี้ก่อนล่ะครับ มีอะไรจะมา post เพิ่มเติม

9/07 Solaris Express Developer Edition

เปล่า ไม่ได้ review ครับ เพิ่งจะได้แผ่นมา ตัวนี้ครับ

เมื่อก่อนต้องมานั่ง download วุ่นวาย ส่วนมากจะต้องผ่าน download manager ของ Sun เอง ซึ่งทำได้ห่วยมาก (แบ่งไฟล์ตอน download จะได้เร็วๆ ก็ไม่ได้) แต่ว่่าตอนนี้สั่ง Free DVD ได้เลย ซึ่งเข้าท่าดี เหมือนกับ ShipIt ของ Ubuntu เลย

รู้สึกว่า trend นี้จะมาแฮะ ให้ request พวก open source/free software เป็น packaged DVD/CD เนี่ย เพราะว่าบางที net มันห่วย download ก็ไม่ค่อยจะได้เรื่องเท่าไหร่ บางทีก็ไม่ค่อยสะดวกนัก อิืมมม ให้สั่ง portable bandwidth ดีกว่า (ผมมอง CD/DVD/อะไรก็ได้ ว่ามันเป็น portable bandwidth น่ะ :-P) แต่ว่าจะทำได้มันก็ต้องเงินถุงเงินถังพอสมควร เพราะว่าถ้าคน order เยอะ ถึงแผ่นมันจะไม่กี่ตังค์ก็เถอะ แต่ว่าถ้าหลายแผ่น ก็คงจะบานปลายง่ายๆ เหมือนกัน

หรือว่าคนคงไม่ค่อยจะ order Solaris DVD เท่าไหร่มั้ง :-P (แต่ว่า Ubuntu นี่คงจะอีกเร่ือง)

เล่น Solari ครั้งสุดท้ายเมื่อนานมากแล้ว ไว้ครั้งนี้หาเครื่องมาเล่นมันได้ก่อน (ยังไม่รู้ว่าจะ dedicate เครื่องที่ lab เครื่องไหนไปเล่นมันดี) แล้วจะมา review ให้ฟังนะครับ