Adium กับ network ใน ม. ศิลปากร

เวลาเล่น MSN เนี่ย ผมไม่ได้ใช้ MSN Messenger for Mac หรอกนะ แต่ว่าผมใช้ Adium ที่เป็น multi-protocol messenger ที่ Open source ด้วย หน้าตาสะสวย feature ดี (แต่ว่าผมก็ใช้แค่ MSN ล่ะนะ ไม่ได้ใช้ protocol อื่นเลย)

แต่ว่าเร็วๆ นี้มันมีปัญหาอะไรก็ไม่รู้ มัน online จาก netไม่work ในมหาวิทยาลัยไม่ได้เลยแฮะ … แต่ว่า MSN Messenger ดันใช้ได้ซะงั้น (แต่ว่า 6.0.2 มีปัญหากับ Safari 3 นะ ถ้าใช้ Safari 3 ก็ upgrade เป็น 6.0.3 ซะ) ไม่รู้สาเหตุว่าทำไม ไป online จากที่อื่นได้หมดเลยนะ นอกจากใน ม. เอง จะบอกว่าเค้า block MSN ก็ไม่น่าใช่ เพราะว่าถ้างั้น MSN ก็ต้องใช้ไม่ได้ด้วยสิ

ก็เลยถึงบางอ้อเอาก็วันนี้แหละ … ว่าต้องใส่ DNS ใน Network setting ใน System preferences ด้วย (พบโดยบังเอิญว่าเราไม่ได้ set มัน เอาออกแต่เมื่อไหร่หว่า เมื่อก่อนใส่ตลอด)

สำหรับคนที่ใช้ Mac ใน ม. ศิลปากร (โดยเฉพาะที่ทับแก้ว) แล้วต้องการใช้ Adium แต่ว่า online ไม่ได้ ลองตั้งค่า DNS ดูนะครับ เอาเป็น 202.28.72.66 ก็ได้ครับ อันนี้ DNS ของภาควิชาคอมพิวเตอร์ครับ (แต่ว่า MSN Messenger มันใช้ได้โดยไม่ต้อง set DNS นะ)

[update 1]: ผู้ช่วยสองคน kiterminal confirmed ว่าใช้งานได้จริง แต่ว่า neokain บอกว่าก็ยังใช้ไม่ได้อยู่ดี

[update 2]: รู้สึกจะดีใจเร็วไปแฮะ … หลังจาก net หลุดไป กลับเข้ามาใหม่ ดัน online ไม่ได้ซะงั้น T_T

10 วิธีการฆ่าเมีย

เจอมาจาก กระทู้ชื่อเดียวกันใน thaimacclub.net คนที่ post บอกว่าได้จาก forward mail อีกที อาจจะเก่านะ แต่ว่าเจ๋งว่ะ

  1. มันอยากกินอะไรซื้อให้มันกิน จนมันคอเรสโตรอลสูง ไขมันอุดตันในเส้นเลือด เดี๋ยวไม่เกิน 50 ปีมันก็ตาย
  2. มันอยากได้เครื่องเพชรก็ซื้อให้มัน พอแสงเพชรมันสะท้อนเข้าตามันมากๆเข้า เดี๋ยวตามันก็จะบอด พอมันตาบอดแล้วเราก็เอามันไปทิ้งที่ไหนก็ได้ มันหาทางกลับบ้านไม่ถูกแล้ว
  3. มันชอบรถก็ซื้อให้มัน ยิ่งแพงๆยิ่งดี เครื่องมันแรงดี มันจะได้ขับเร็วๆ ความเสี่ยงสูง
  4. มันอยากไปเที่ยวไหนก็พามันไป ต้องมีซักที่แหล่ะที่มันพลาดเดินล้มหัวฟาดพื้นตายได้
  5. งานบ้านอย่าไปให้มันทำ เราต้องแย่งมันทำให้หมด ไม่เปิดโอกาสให้มันได้ออกกำลังกาย เดี๋ยวมันก็ไม่แข็งแรง แล้วมันก็ตายเอง
  6. ต้องพาเมียไปหาหมอบ่อยๆ ดูดิคนไม่ค่อยไปหาหมอไม่ค่อยเป็นไรหรอก คนที่ไปหาหมอบ่อย เดี๋ยวๆก็ตายแล้ว
  7. เงินเดือนออกมาเท่าไหร่ให้มันไปให้หมด ใครๆก็รู้ว่าเงินน่ะเป็นที่สะสมเชื้อโรคสารพัด เราแกล้งเอาเชื้อโรคให้มันเก็บไว้เดี๋ยวมันก็เป็นโรคตาย เราเองไม่ต้องเก็บเชื้อโรคไว้ สุขภาพแข็งแรง..เย้
  8. ปลูกบ้านหลังใหญ่ๆให้มันอยู่ กว้างๆยิ่งดี เวลาจะเดินจากห้องนั้นไปห้องนี้ทีมันจะได้เหนื่อย เผลอๆอาจหอบตายระหว่างทางได้
  9. เช้า-เย็นกราบมันทุกวัน มันจะได้อายุสั้น
  10. รักเมียให้มากๆ ไม่เคยได้ยินเหรอ ที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์ พอมันทุกข์มากๆมันก็ตรอมใจตายเอง

ปฏิบัติตามกันตามสะดวกนะครับ พวกไม่รักภรรยาทั้งหลาย จะได้ตายไวๆ ;-P

ของเล่นใหม่: Mac mini (review)

อยากได้เครื่องซักเครื่องมาเป็น internal application server ใน lab มานานแล้ว เพราะว่าให้พวกผู้ช่วยพัฒนาโปรแกรมสำหรับใช้งานภายในขึ้นมาหลายตัว แต่ว่ามันกระจายๆ อยู่ตามเครื่องคนที่พัฒนา (ทั้งหมดเป็น laptop) ทำให้มีปัญหาในการเรียกใช้งานเยอะมาก เพราะว่าไหนเลยจะต้องบอกให้น้องเค้า start application server (ถ้าเป็น rails ก็พวก embedded server ในตัว application ทั้งหลาย) แล้วก็ถาม IP กันวุ่นวาย แล้วพวกข้อมูลก็เอามาใช้ด้วยกันลำบากอีกตะหาก เพราะว่า db มันเก็บคนละเครื่องคนละที่ ถ้าจะให้เปิด REST ให้ใช้ มันก็ขี่ช้างจับตั๊กแตนไปหน่อย

ว่าแล้ววันหนึ่ง เราก็เห็นว่า เออ มันไม่ค่อยจะเข้าท่าเท่าไหร่ถ้าจะทำแบบนี้ต่อไป ซื้อ dedicated internal server มาเลยตัวนึงดีกว่า ว่าแล้วเราก็บึ่งไปในกรุงเทพ หิ้ว Mac mini รุ่น 1.83 GHz กลับมาหนึ่งตัว

  • สิ่งแรกที่ทำก็คือ ลงเครื่องใหม่ จริงๆ อยากจะลง Mac OS X Server เพราะว่าจะได้ลองหัดเล่นจริงๆ จังๆ ซะที แต่ว่าก็ไม่อยากจะทำผิดลิขสิทธิ์อ่ะนะ อีกอย่างแค่ใช้เป็น internal application server นี่แค่ใช้ client edition ก็เหลือเฟือแล้ว ว่าแล้วก็ลง OS X 10.4.10 ไป
  • ตั้งชื่อเครื่องก่อน ..​ เอาชื่ออะไรดี ตอนนี้เครื่องของผม (PB17″ ที่ผู้ช่วยคนหนึ่งใช้ กับ MBP15″ ของผม) ชื่อ chaos กับ entropy ตามลำดับ ..​ อืมมม ตอนแรกคิดว่าจะตั้งชื่อ turing แต่ว่าไปๆ มาๆ เนื่องจากตัวมันเล็ก ก็เลยตั้งชื่อว่า quantum
  • แล้วลงก็ iWork กับ iLife …​ ซึ่งจริงๆ แล้วก็คงไม่ได้ใช้เครื่องนี้หรอก แต่ว่าก็เผื่อไว้ก่อนไม่เสียหลาย ถ้ามันไม่ได้ใช้จริงๆ แล้ว HDD มันจะเต็ม ก็ค่อยมาลบทิ้งเอาทีหลังได้
  • ลง Xcode จะได้ compile โปรแกรมที่จะต้องใช้งานได้
  • อืมมม อยากได้พวก lib ต่างๆ ทำไงดีหว่า จะ compile ลงใหม่ก็ขี้เกียจ ก็เลย copy /sw (ที่ๆ Fink มันลงโปรแกรม; ผมไม่ได้ใช้ MacPorts นะ เพราะว่ามันมีปัญหาอะไรไม่รู้กับ netไม่work ที่มหาวิทยาลัย)
  • จากนั้นก็ เลือก copy /usr/local ไปลงด้วย ตรงนี้ก็ประหยัดเวลาไปได้เยอะเหมือนกัน แทนที่จะต้องไป compile ใหม่หมด อีกอย่าง ปกติเวลา compile พวกนี้ผมไม่ได้ fine-tune พวก options ให้มัน optimized มากไปกับเครื่องใดเครื่องหนึ่ง (เครื่องที่ผมใช้น่ะแหละ) อยู่แล้ว ก็เลยใช้ได้ อ่อ แล้วก็เวลาที่ลงโปรแกรม ถ้ามันใหญ่หรือว่าเป็นโปรแกรม+lib (ไม่ใช่ lib อย่างเดียว) เช่น ImageMagick หรือว่า Graphviz เนี่ย ผมจะ configure ให้มี prefix ที่ /usr/local/[program_name] อยู่แล้ว ก็เลยเลือกง่ายหน่อย
  • เนื่องจากว่า application ส่วนมากที่จะไปลง จะเป็น Rails application ก็เลยทดสอบ ruby กับ rails ก่อน ปรากฏว่าใช้ได้ไม่มีปัญหาอะไร โดยที่ไม่ต้องลงอะไรเพิ่มเติม (ก็เล่น /usr/local มาแล้วนี่หว่า)
  • เนื่องจาก netไม่work ที่ ม. มันมักจะมีปัญหาอะไรก็ไม่รู้อยู่บ่อยๆ ก็เลยให้ตัว Mac mini นี้เปิด network ของตัวเอง เวลาที่คนจะใช้ application ตัวนี้ก็ connect เข้ามาใน network นี้เอา
  • แต่ว่าปัญหาก็คือ application บางตัวดันต้องใช้ web services ของ amazon ก็เลยไม่มีทางเลือก ต้องกลับเชื่อมกับ network ที่มันออกข้างนอกได้ (ขี้เกียจ setup)
  • ตอนนี้ก็เริ่ม deploy application หลายตัวลงไปใช้แล้ว ทำงานได้ดีนะ พวกบรรดาผู้ช่วยที่ทำงานก็ชอบกัน ได้มี dedicated server กับ internal application ตัวโน้นตัวนี้ที่ทำเล่นกันใน lab เสียที จะได้เป็นต้นแบบ/ตัวทดลองก่อนที่จะไป deploy ลง Xserve ที่เพิ่งจะได้มาใช้งานจริงซะที
  • นอกนั้นไม่ได้ทำอะไรมาก
  • อ่อ ลืมบอกไป ซื้อ keyboard ถูกๆ กับ mouse ถูกๆ มาอย่างละตัวเพื่อมาใช้งานกับตัวนี้ เพราะว่าคงไม่ได้ใช้งานมันตรงๆ มากมาย ส่วนมากก็ remote login เข้ามามากกว่า ส่วนจอ ก็แบ่งๆ จอ external ของผมไปใช้งานเป็นครั้งคราวถ้าจำเป็น (ผมมี Acer 22 นิ้วอยู่ตัวนึงน่ะ ต่อเป็น 2nd monitor ไว้)

สรุปว่า มันเป็น a cute little machine นะ ชอบๆ แต่ว่ามันก็ powerful enough สำหรับงานที่ผมเอามาใช้มันน่ะแหละ (ยิ่งคิดถึงว่า มีบางที่ บางคน บางองค์กร ซื้อ Mac Pro รุ่นใหม่มาเพื่อทำ data entry เท่านั้น ที่ก็ไม่ได้มีมากมายเท่าไหร่ …​ นี่ยิ่งรู้สึกว่า เราคงใช้งาน Mac mini ตัวนี้คุ้มกว่าล่ะนะ) จริงๆ น่าจะซื้อมานานแล้วจริงๆ (ก็ว่าจะ ว่าจะ ว่าจะอยู่หลายครั้งแล้ว บอกเด็กๆ ที่ทำงานไปหลายครั้งแล้ว แต่ว่าเราก็ไม่ได้ซื้อเสียที) น่ารักดีเวลาวางมันไปบนโต๊ะ ใครจะไปคิดว่ามันเป็น server ล่ะ

ไม่แปะรูปนะ ไว้แปะร่วมกับ entry เรื่องของเล่นชิ้นต่อไปเลยละกัน (ยังไม่บอกว่ามันคืออะไร) เพราะว่าถ่ายรูปคู่กันไว้อยู่

ชีวิตคนทำงาน

เห็นรูปนี้จาก MSN น้องโตโต้ (protocoltoto ใน blog นี้) มานานล่ะ วันนี้ไม่รู้นึกยังไงก็เลยเอามา share กันบ้าง ไม่รู้ว่า original creator เป็นใคร แต่ว่า creative มากมาย ชอบ